TH Ranking - ข่าว - 2025-10-13

เคล็ดลับเพิ่มอัตราการเปิดอีเมลและคลิก พร้อมลดการยกเลิกสมัครรับอีเมลให้ธุรกิจเติบโตในยุคดิจิทัล

บทนำสู่ยุทธศาสตร์การสื่อสารผ่านอีเมลในธุรกิจยุคใหม่

ในฐานะวิทยากรรับเชิญในงานประชุมนานาชาติด้านสื่อสารมวลชนและการตลาดดิจิทัล ข้าพเจ้าขอนำเสนอข้อมูลที่ลึกซึ้งเกี่ยวกับการจัดการอีเมลมาร์เก็ตติ้งเพื่อเพิ่มอัตราการเปิดอ่าน (Open Rates) การคลิกเข้าเชื่อมต่อ (Click-Through Rates) และลดอัตราการยกเลิกสมัครรับข่าวสาร (Unsubscribe Rates) ในการทำธุรกิจออนไลน์ยุคใหม่ของประเทศไทย อีเมลยังคงเป็นเครื่องมือการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพสูงสุดตัวหนึ่ง ซึ่งหลายองค์กรยังใช้ไม่เต็มศักยภาพด้วยเหตุผลหลายประการ ข้อมูลในบทความนี้จะช่วยให้เจ้าของธุรกิจและนักการตลาดเข้าใจถึงวิธีการปรับปรุงแคมเปญอีเมลอย่างมืออาชีพเพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

1. ทำความเข้าใจเบื้องต้นเกี่ยวกับอัตราการเปิดอีเมลและตัวชี้วัดสำคัญ

อัตราการเปิดอีเมลหมายถึงเปอร์เซ็นต์ของผู้รับที่เปิดอ่านอีเมล ซึ่งมีผลโดยตรงต่อความสำเร็จของแคมเปญ โดยเฉลี่ยแล้ว อัตราการเปิดในภาคธุรกิจทั่วไปจะอยู่ระหว่าง 15% ถึง 25% ซึ่งต่ำกว่านี้ถือว่าน่าเป็นห่วง ในส่วนของอัตราการคลิกที่เป็นเป้าหมายการโต้ตอบกับเนื้อหาในอีเมลเป็นการบ่งชี้ถึงความน่าสนใจและความเกี่ยวข้องของคอนเทนต์ ส่วนอัตราการยกเลิกสมัครเป็นสัญญาณเตือนว่าผู้รับอาจเกิดความไม่พอใจ แคมเปญควรตั้งเป้าให้อัตรานี้ต่ำกว่า 0.5%

2. กลยุทธ์สร้างอีเมลที่น่าสนใจและเพิ่มอัตราการเปิด (Open Rates)

  • เลือกหัวข้ออีเมลที่กระชับและดึงดูดใจ: จากประสบการณ์ตรง ผมพบว่าหัวข้ออีเมลที่มีความเจาะจงและเรียกร้องความสนใจ เช่น "เคล็ดลับประหยัดค่าใช้จ่ายธุรกิจในไทยกว่า 30%" สร้างแรงจูงใจให้เปิดอ่านได้ดีกว่าหัวข้อกว้างๆ ยาวเกินไป
  • เวลาและวันจัดส่ง: จากการทดสอบในตลาดไทย เวลาเช้าตรู่ 7:00-9:00 น. และกลางสัปดาห์ (วันอังคาร-พฤหัสบดี) เป็นช่วงเวลาที่ผู้รับมีแนวโน้มเปิดอีเมลสูงสุด
  • ใช้ Personalization: การเพิ่มชื่อผู้รับหรือข้อมูลส่วนตัวในหัวข้ออีเมล เช่น "คุณสมชาย, พบข้อเสนอพิเศษสำหรับคุณวันนี้!" มักเพิ่มอัตราเปิดได้ถึง 20%

3. วิธีเพิ่มอัตราการคลิก (Click-Through Rates) ที่ทรงพลังจากคอนเทนต์

เนื้อหาอีเมลต้องตอบสนองความต้องการและความสนใจเฉพาะกลุ่มเป้าหมาย โดยทำได้ดังนี้:

  • สร้างเนื้อหาที่ชัดเจนและเป็นประโยชน์: ผมแนะนำให้แบ่งเนื้อหาเป็นส่วนสั้นๆ พร้อมหัวข้อย่อยและรูปภาพประกอบ เพื่อให้อ่านง่ายและเข้าใจเร็ว
  • Call to Action (CTA) ที่โดดเด่น: ใช้สีสันและตำแหน่งที่เด่นชัดเพื่อกระตุ้นให้คลิก เช่น ปุ่ม "สมัครตอนนี้" หรือลิงก์ "รับข้อเสนอพิเศษวันนี้"
  • ทดสอบและปรับปรุง: การทดสอบ A/B Testing อย่างสม่ำเสมอช่วยค้นหาองค์ประกอบที่เหมาะสมที่สุด เช่น ข้อความ ปุ่ม CTA หรือรูปแบบดีไซน์ของอีเมล

4. เทคนิคลดอัตราการยกเลิกสมัคร (Unsubscribe Rates)

อัตราการยกเลิกสมัครสูงไม่เพียงแต่ลดฐานข้อมูลลูกค้า แต่ยังส่งผลร้ายต่อชื่อเสียงและโอกาสทางธุรกิจของท่าน ดังนั้นต้องมีแนวทางดังนี้:

  • สร้างความสัมพันธ์และความชัดเจน: แจ้งผู้รับตั้งแต่แรกถึงความถี่และประเภทเนื้อหาอีเมล เพื่อให้พวกเขารับรู้และยอมรับก่อนสมัคร
  • ให้ทางเลือกในการตั้งค่าความถี่อีเมล: เช่น ให้ผู้รับเลือกว่าจะรับอีเมลรายวัน รายสัปดาห์ หรือรายเดือน
  • มอบเนื้อหาที่มีคุณค่าและเกี่ยวข้อง: ต้องมั่นใจว่าอีเมลแต่ละครั้งมีประโยชน์ ไม่ก่อให้เกิดความรู้สึกถูกรบกวนหรือเป็นสแปม
  • เปิดช่องทางขอความคิดเห็น: เชิญชวนให้ตอบกลับหรือให้ฟีดแบค เพื่อนำไปปรับปรุงกลยุทธ์ต่อไป
  • ใช้ระบบ Re-Engagement: กรณีผู้รับไม่โต้ตอบระยะยาว ส่งอีเมลพิเศษเพื่อกระตุ้นความสนใจหรือแนะนำตัวเลือกใหม่ๆ

5. ตัวอย่างการใช้งานจริงในธุรกิจไทย พร้อมข้อมูลเชิงลึก

บริษัทอีคอมเมิร์ซชื่อดังในกรุงเทพใช้วิธีการส่งอีเมลแบบแบ่งกลุ่มเป้าหมาย และปรับแต่งเนื้อหาให้เหมาะสมตามข้อมูลการซื้อที่ผ่านมา ทำให้อัตราการเปิดอีเมลเพิ่มขึ้นจาก 18% เป็น 35% ภายใน 3 เดือน อัตราการคลิกขยับขึ้นจาก 4% เป็น 9% และอัตราการยกเลิกสมัครลดลงเหลือ 0.2% เท่านั้น โดยทีมงานลงทุนใช้ระบบจัดการอีเมล (Email Marketing Platform) ที่มีราคาประมาณ 10,000 THB ต่อเดือน ซึ่งถือว่าคุ้มค่าเมื่อเทียบกับผลลัพธ์

6. ตารางเปรียบเทียบเทคนิคการเพิ่มอัตราเปิดและคลิกในอีเมลมาร์เก็ตติ้ง

ยุทธศาสตร์ประโยชน์หลักตัวอย่างการใช้งานค่าใช้จ่ายโดยประมาณ (THB)
Personalization หัวข้อและเนื้อหาเพิ่มความน่าสนใจและความเกี่ยวข้องใช้ชื่อผู้รับในหัวข้อและข้อความ0-2,000 (ขึ้นกับซอฟต์แวร์)
A/B Testingค้นหาเนื้อหาที่เหมาะสมที่สุดทดสอบหัวข้ออีเมลที่แตกต่างกัน2,000-5,000
ส่งอีเมลช่วงเวลาที่เหมาะสมเพิ่มโอกาสเปิดอ่านสูงสุดเลือกส่งช่วงเช้าตรู่หรือเย็นไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม
สร้าง CTA ชัดเจนกระตุ้นให้ผู้รับคลิกอย่างตรงจุดออกแบบปุ่มที่โดดเด่นและข้อความจูงใจ1,000-3,000
ระบบ Re-Engagementลดอัตรายกเลิกสมัครและฟื้นฟูลูกค้าส่งอีเมลพิเศษสำหรับลูกค้าไม่ตอบสนอง3,000-6,000

7. เหตุผลที่กลยุทธ์เหล่านี้มีความสำคัญต่อธุรกิจในประเทศไทย

ตลาดอีเมลในประเทศไทยมีการเติบโตอย่างรวดเร็วตามเทคโนโลยี และการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตที่แพร่หลายมากขึ้น การสร้างความแตกต่างด้วยกลยุทธ์อีเมลที่มีประสิทธิภาพช่วยให้แบรนด์ครองใจผู้บริโภคในประเทศได้อย่างมั่นคง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในธุรกิจ SME ที่มีต้นทุนจำกัด การมุ่งเน้นเรื่องคุณภาพการสื่อสารจะช่วยเพิ่ม ROI ได้ดีกว่าเพียงเน้นปริมาณการส่งเท่านั้น

8. การวิเคราะห์และติดตามผลอย่างมีระบบเพื่อปรับปรุงแคมเปญอีเมล

หนึ่งในความลับที่ช่วยให้แคมเปญอีเมลของผมประสบความสำเร็จคือการติดตามและวิเคราะห์ข้อมูลอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นอัตราการเปิดอีเมล อัตราการคลิก และอัตราการยกเลิกสมัคร ซึ่งข้อมูลเหล่านี้ช่วยให้เรารู้ว่ากลยุทธ์ใดได้ผลหรือไม่ ไม่ใช่แค่ส่งอีเมลแล้วจบไป แต่ต้องทำความเข้าใจพฤติกรรมผู้รับด้วย

  • ใช้เครื่องมือวิเคราะห์และรายงาน: เช่น Google Analytics, Mailchimp, หรือระบบโฮสติ้งอีเมลอื่นๆ ที่รองรับข้อมูลเชิงลึก (Insight)
  • ตั้งเป้าหมายและ KPI ที่ชัดเจน: เช่น ต้องการให้อัตราเปิดอีเมลเกิน 25% หรืออัตราการคลิกต้องเกิน 7%
  • ตรวจสอบแนวโน้มข้อมูลเป็นรายสัปดาห์และรายเดือน: เพื่อให้แก้ไขหรือล้ำหน้าปัญหาก่อนเกิดความเสียหายมาก

9. สร้างเนื้อหาอีเมลที่เหมาะสมกับอุปกรณ์และเทคโนโลยีที่หลากหลาย

ในประเทศไทย สมาร์ทโฟนมีบทบาทสำคัญต่อพฤติกรรมการใช้อินเทอร์เน็ต โดยกว่า 70% ของการเปิดอีเมลเกิดขึ้นบนโทรศัพท์มือถือ ดังนั้น การออกแบบอีเมลที่ตอบสนอง (Responsive Design) นอกจากจะช่วยเพิ่มอัตราการเปิดและคลิกแล้ว ยังช่วยป้องกันไม่ให้ผู้รับรู้สึกหงุดหงิดหรือยกเลิกสมัคร

  • ใช้เทมเพลตที่รองรับมือถือและแท็บเล็ต: ขนาดตัวอักษร ขนาดปุ่ม CTA และความไวต่อสัมผัสต้องเหมาะสม
  • ทดสอบก่อนส่ง: ลองเปิดดูอีเมลในหลายอุปกรณ์และโปรแกรมโดยสารอีเมลต่างๆ

10. เคล็ดลับการใช้ข้อมูลลูกค้าให้มีประสิทธิภาพและปลอดภัย

การใช้ข้อมูลลูกค้าอย่างถูกต้องและมีประสิทธิภาพ เพิ่มโอกาสสำเร็จของแคมเปญอีเมล แต่ก็ต้องรักษาความปลอดภัยและเคารพความเป็นส่วนตัวอย่างเคร่งครัด ตามกฎหมาย PDPA ของประเทศไทย

  • การแบ่งกลุ่มผู้รับ (Segmentation): เชื่อมโยงพฤติกรรม, การซื้อ, และข้อมูลประชากร เพื่อส่งเนื้อหาที่เหมาะกับแต่ละกลุ่ม
  • ความโปร่งใสและขออนุญาต: แจ้งและรับความยินยอมในการส่งอีเมลทุกครั้ง
  • ระบบการจัดเก็บข้อมูลที่ปลอดภัย: ใช้เทคโนโลยีเข้ารหัส และระบบสำรองข้อมูล

11. ตัวอย่างแคมเปญอีเมลที่ประสบความสำเร็จในตลาดไทย

ตัวอย่างเช่น แบรนด์แฟชั่นออนไลน์แห่งหนึ่งในกรุงเทพ ใช้ระบบการแบ่งกลุ่มตามพฤติกรรมผู้ซื้อ และเพิ่มองค์ประกอบ interactive ในอีเมล เช่น แบบสอบถามสั้นๆ เพื่อเก็บข้อมูลความต้องการ จากนั้นส่งคูปองส่วนลดโดยเฉพาะผู้ที่คลิก ผลลัพธ์พบว่าอัตราการเปิดเพิ่มขึ้นเป็นเกือบ 40% และยอดขายจากอีเมลเพิ่มขึ้น 25% ภายในไตรมาสเดียว

12. ตารางเปรียบเทียบการดำเนินการในกรณีศึกษาและกรอบกลยุทธ์

เรื่องกรณีศึกษา (Fashion Online)กลยุทธ์ทั่วไป
การแบ่งกลุ่มแบ่งตามประวัติการซื้อและกิจกรรมคลิกล่าสุดแบ่งกลุ่มตามข้อมูลประชากรและความสนใจ
การปรับแต่งเนื้อหาใช้แบบสอบถามและข้อเสนอส่วนบุคคลใช้เนื้อหาหัวข้อและภาพที่หลากหลาย
ผลลัพธ์สำคัญอัตราเปิด 40%, อัตราคลิก 15%, เพิ่มยอดขาย 25%อัตราเปิดเฉลี่ย 25-30%, คลิก 7-10%
เครื่องมือใช้ระบบ Email Automation และ CRMระบบ Email Marketing ทั่วไป

13. การบริหารต้นทุนและผลตอบแทนของแคมเปญอีเมลในประเทศไทย

การลงทุนในอีเมลมาร์เก็ตติ้งสำหรับธุรกิจขนาดกลางในประเทศไทยมักใช้งบประมาณเริ่มต้นที่ประมาณ 5,000-15,000 THB ต่อเดือน ขึ้นอยู่กับขนาดฐานข้อมูลและความซับซ้อนของแคมเปญ การเลือกใช้บริการแพลตฟอร์มเช่น Mailchimp, ActiveCampaign หรือ GetResponse สามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ โดยรวมค่าใช้จ่ายต่าง ๆ นี่เทียบกับการโฆษณาบนสื่อสังคมออนไลน์ที่มักมีราคาต่อคลิกสูงกว่า ขนาด 10-50 THB ต่อครั้ง การจัดการที่ดีทำให้อีเมลมีอัตราการตอบสนองที่ดีกว่าค่าใช้จ่ายต่อ Conversion ที่ต่ำกว่า

14. แนวทางการจัดเตรียมทีมงานและเครื่องมือเพื่อความสำเร็จในอีเมลมาร์เก็ตติ้ง

  • ทีมงาน: ควรมีผู้เชี่ยวชาญด้านคอนเทนต์ ผู้วิเคราะห์ข้อมูล และนักพัฒนาด้านเทคนิคเพื่อดูแลระบบอีเมล
  • เครื่องมือ: ระบบอีเมลมาร์เก็ตติ้งที่รองรับการแบ่งกลุ่มอัตโนมัติ การทดสอบ A/B และการวิเคราะห์เชิงลึก
  • การเรียนรู้และปรับปรุง: เปิดโอกาสให้ทีมเข้าร่วมอบรมเกี่ยวกับเทรนด์และเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่เกี่ยวข้อง

15. สรุปประเด็นสำคัญที่ควรจดจำ

  • ความเข้าใจกลุ่มเป้าหมายและการใช้ข้อมูลเพื่อส่งเนื้อหาที่เกี่ยวข้องเป็นหัวใจหลัก
  • การออกแบบหัวข้อและเนื้อหาให้โดดเด่น และเหมาะสมกับอุปกรณ์เคลื่อนที่
  • ความสม่ำเสมอในการติดตามวัดผลและปรับกลยุทธ์
  • ความสำคัญของการรักษาความปลอดภัยข้อมูลและเคารพสิทธิ์ผู้รับ
  • การลงทุนในเครื่องมือและทีมงานเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการตลาดด้วยอีเมล



เราเป็นเอเจนซี่การตลาดที่ดีที่สุดในประเทศไทยบนอินเทอร์เน็ต
หากคุณต้องการความช่วยเหลือ กรุณาติดต่อเราผ่านแบบฟอร์มติดต่อ
ปรึกษาฟรี

TH Ranking ให้บริการทราฟฟิกเว็บไซต์คุณภาพสูงที่สุดในประเทศไทย เรามีบริการทราฟฟิกหลากหลายรูปแบบสำหรับลูกค้า ไม่ว่าจะเป็น ทราฟฟิกเว็บไซต์, ทราฟฟิกจากเดสก์ท็อป, ทราฟฟิกจากมือถือ, ทราฟฟิกจาก Google, ทราฟฟิกจากการค้นหา, ทราฟฟิกจาก eCommerce, ทราฟฟิกจาก YouTube และทราฟฟิกจาก TikTok เว็บไซต์ของเรามีอัตราความพึงพอใจของลูกค้า 100% คุณจึงสามารถสั่งซื้อทราฟฟิก SEO จำนวนมากทางออนไลน์ได้อย่างมั่นใจ เพียง 398 บาทต่อเดือน คุณสามารถเพิ่มทราฟฟิกเว็บไซต์ ปรับปรุงประสิทธิภาพ SEO และเพิ่มยอดขายได้ทันที!

เลือกแพ็กเกจทราฟฟิกไม่ถูกใช่ไหม? ติดต่อเราได้เลย ทีมงานของเราพร้อมให้ความช่วยเหลือ

ปรึกษาฟรี

การปรึกษาฟรี ฝ่ายบริการลูกค้า

ต้องการความช่วยเหลือในการเลือกแผน? กรุณากรอกแบบฟอร์มด้านขวา และเราจะติดต่อกลับหาคุณ!

Fill the
form