
ในยุคที่ข้อมูลเป็นพลังขับเคลื่อนธุรกิจ การวิเคราะห์พฤติกรรมผู้ใช้เว็บไซต์และแอปจึงกลายเป็นเรื่องสำคัญยิ่ง Google Analytics 4 (GA4) ซึ่งเป็นเวอร์ชันล่าสุดของระบบวิเคราะห์ข้อมูลจาก Google เข้ามาแทนที่ Universal Analytics และนำเสนอเครื่องมือที่ทรงพลังมากขึ้นในการเข้าใจลูกค้าแบบลึกซึ้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพูดถึงพารามิเตอร์ (Parameters) ที่มีบทบาทสำคัญในการวิเคราะห์พฤติกรรม
บทความนี้จะพาคุณเจาะลึกเกี่ยวกับ พารามิเตอร์สำคัญของ GA4 ที่คุณต้องรู้ พร้อมตัวอย่างการใช้งานจริง และคำแนะนำสำหรับนักการตลาดในประเทศไทยเพื่อให้สามารถใช้ข้อมูลเหล่านี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด
GA4 ต่างจาก Universal Analytics อย่างไร?
ก่อนจะเข้าสู่รายละเอียดพารามิเตอร์ ขออธิบายแบบกระชับว่า GA4 แตกต่างจาก Universal Analytics อย่างไรบ้าง:
- เก็บข้อมูลแบบ event-based แทนที่จะใช้ session-based เหมือน Universal Analytics
- เน้นการวิเคราะห์ข้ามแพลตฟอร์ม ทั้งเว็บและแอปในที่เดียว
- วัดผลแบบ event-driven พร้อมรองรับ machine learning ในการคาดการณ์แนวโน้มผู้ใช้งาน
พารามิเตอร์คืออะไรใน GA4?
พารามิเตอร์ (Parameters) คือชุดข้อมูลที่แนบมากับ event แต่ละอันที่ GA4 เก็บไว้ ซึ่งช่วยให้เราเข้าใจรายละเอียดของ event นั้นๆ ได้ลึกขึ้น เช่น:
- พารามิเตอร์ page_location บอกว่า page ที่ผู้ใช้ดูคือหน้าไหน
- พารามิเตอร์ value บอกมูลค่า (เช่น รายได้) ที่เกี่ยวข้องกับ event
GA4 สามารถกำหนดพารามิเตอร์ได้สูงสุด 25 รายการต่อ event (ยกเว้น predefined parameters)
พารามิเตอร์ GA4 ที่สำคัญที่สุด (Top GA4 Parameters)
ด้านล่างนี้คือรายการพารามิเตอร์ที่คุณควรให้ความสำคัญในการติดตามข้อมูลอย่างมีประสิทธิภาพ:
1. page_location
ความหมาย: URL ปัจจุบันของหน้าเว็บที่มีการ trigger event
ใช้ทำอะไร: วิเคราะห์หน้าที่มี engagement สูงหรือ bounce rate สูง
ตัวอย่างการใช้งาน:
การตรวจสอบว่าผู้ใช้มี interaction ที่หน้าผลิตภัณฑ์หรือไม่ ซึ่งช่วยในการปรับ UI/UX ให้เหมาะสมมากขึ้น
2. page_referrer
ความหมาย: หน้าเว็บก่อนหน้าที่ผู้ใช้เข้ามา
ใช้ทำอะไร: วิเคราะห์แหล่งที่มาของ traffic ภายในเว็บไซต์
ประโยชน์ในเชิง SEO: คุณสามารถทราบได้ว่า internal link ใดพาผู้ใช้เข้าสู่หน้า Conversion ได้ดีที่สุด
3. session_engaged
ความหมาย: บอกว่า session นั้นมี engagement หรือไม่ (เปิดนานเกิน 10 วินาที, มี 2 page views, หรือมี conversion event)
ใช้ทำอะไร: วิเคราะห์คุณภาพของ traffic
ตัวอย่างการวิเคราะห์: เมื่อคุณรันแคมเปญโฆษณา THB 50,000 คุณสามารถดูได้ว่า traffic นั้น engaged มากน้อยแค่ไหน
4. event_name
ความหมาย: ชื่อของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
ใช้ทำอะไร: วัดว่าผู้ใช้ทำ action อะไร เช่น purchase
, scroll
, add_to_cart
คำแนะนำ: ควรกำหนดชื่อ event ให้สื่อความหมาย และตั้งให้สอดคล้องระหว่างเว็บและแอป
5. items
ความหมาย: ข้อมูลของสินค้าหรือบริการที่เกี่ยวข้องกับ event เช่น add_to_cart หรือ purchase
ใช้ทำอะไร: วิเคราะห์ว่าสินค้าใดมีการคลิกหรือซื้อบ่อยที่สุด
ฟิลด์ย่อยของ items ที่ควรรู้:
- item_id: รหัสสินค้า
- item_name: ชื่อสินค้า
- price: ราคาต่อชิ้น (สามารถตั้งเป็น THB)
- quantity: จำนวน
6. currency
ความหมาย: สกุลเงินของ transaction เช่น THB, USD
ใช้ทำอะไร: ให้ข้อมูลเกี่ยวกับมูลค่าทางการเงินในสกุลที่เกี่ยวข้อง
สำหรับประเทศไทย: ควรกำหนด currency
เป็น “THB” เสมอเพื่อสะท้อนยอดขายหรือมูลค่าที่ถูกต้อง
7. value
ความหมาย: มูลค่าโดยรวมของ event (เช่นยอดสั่งซื้อรวม)
ใช้ทำอะไร: คำนวณ ROAS, Conversion Value
เคล็ดลับ: พารามิเตอร์นี้สามารถใช้ร่วมกับ event purchase
หรือ generate_lead
เพื่อวัดคุณค่าของแต่ละ action
8. traffic_source
ประกอบด้วยพารามิเตอร์ย่อย:
- source: ที่มาของ traffic เช่น google, facebook
- medium: ช่องทาง เช่น cpc, organic
- campaign: ชื่อแคมเปญ
ใช้ทำอะไร: วิเคราะห์แคมเปญการตลาด และวัดผลได้แม่นยำ
ประโยชน์ต่อประเทศไทย: ช่วยวัดว่าแคมเปญบน Facebook Ads หรือ Google Ads ในประเทศไทยมีประสิทธิภาพแค่ไหนต่อยอดขายจริง
9. user_engagement
ความหมาย: เวลาที่ผู้ใช้อยู่ในหน้าแบบ active (วัดเป็น milliseconds)
ใช้ทำอะไร: วิเคราะห์ว่าเนื้อหาหน้าใดดึงดูดผู้ใช้นานที่สุด
ข้อแนะนำ: ใช้ร่วมกับ page_location
เพื่อเข้าใจว่าหน้าไหนมี user retention สูง
10. screen_name
และ app_name
ความหมาย: สำหรับแอป mobile — ชื่อหน้าจอและชื่อแอป
ใช้ทำอะไร: วิเคราะห์ว่า UI ส่วนใดของแอปมี interaction ดีหรือไม่
แนะนำสำหรับธุรกิจในประเทศไทยที่มี mobile app: ให้เชื่อม GA4 เข้ากับ Firebase เพื่อดูข้อมูลนี้อย่างละเอียด
พารามิเตอร์ที่กำหนดเอง (Custom Parameters)
แม้ GA4 จะมี predefined parameters จำนวนมาก แต่คุณยังสามารถสร้าง custom parameters ได้เอง เช่น:
- membership_tier: ระดับสมาชิก เช่น silver, gold, platinum
- store_location: สาขาที่ทำรายการ เช่น "เซ็นทรัลเวิลด์", "สยามพารากอน"
- login_method: ช่องทางการล็อกอิน เช่น Facebook, Line, Email
เคล็ดลับ: อย่าลืม register พารามิเตอร์เหล่านี้ใน GA4 Admin > Custom Definitions เพื่อใช้งานในรายงาน
วิธีใช้พารามิเตอร์ GA4 เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการตลาด
การรู้จักพารามิเตอร์เพียงอย่างเดียวไม่พอ สิ่งสำคัญคือการนำมาใช้วิเคราะห์และวางกลยุทธ์:
✅ วิเคราะห์ ROAS ของแต่ละแคมเปญ
ใช้ value
, currency
, และ traffic_source
เพื่อดูว่างบโฆษณา THB 10,000 ให้ยอดขายกลับมาคุ้มค่าหรือไม่
✅ วัด A/B Testing
สร้าง event พร้อม custom parameter เช่น variant_a
และ variant_b
เพื่อติดตามพฤติกรรมของผู้ใช้แต่ละกลุ่ม
✅ เข้าใจพฤติกรรมลูกค้า
ใช้ page_referrer
+ user_engagement
+ items
เพื่อดูว่า funnel ไหนทำงานได้ดี หรือเกิด drop-off จุดใด
✅ วางแผน Content SEO
ใช้ page_location
+ user_engagement
เพื่อตรวจว่าบทความหน้าใดที่คนไทยเข้ามาอ่านนานที่สุด แล้วพัฒนา content ในแนวเดียวกันเพิ่ม
ตัวอย่าง Event พร้อมพารามิเตอร์
{
"event_name": "purchase",
"currency": "THB",
"value": 2500,
"items": [
{
"item_id": "SKU_123",
"item_name": "รองเท้ากีฬา",
"price": 2500,
"quantity": 1
}
],
"user_engagement": 18500,
"page_location": "https://yourstore.co.th/checkout"
}
สิ่งที่ควรระวังเมื่อใช้พารามิเตอร์ใน GA4
- จำกัด 25 พารามิเตอร์ต่อ event — อย่าใส่มากเกินไป
- ต้อง Register พารามิเตอร์ที่เป็น Custom
- ค่าของพารามิเตอร์ควรอยู่ในรูปแบบที่ GA4 รองรับ เช่นตัวเลข, string ไม่ควรเกิน 100 ตัวอักษร
- อย่าเก็บข้อมูลส่วนบุคคล (PII) เช่น อีเมล หรือเบอร์โทร
สรุป
GA4 เป็นเครื่องมือที่มีศักยภาพสูงในการวิเคราะห์ข้อมูลผู้ใช้ หากคุณเข้าใจและใช้งาน พารามิเตอร์อย่างเหมาะสม คุณจะสามารถเพิ่มประสิทธิภาพของเว็บไซต์หรือแอปได้แบบก้าวกระโดด ไม่ว่าจะเป็นร้านค้าออนไลน์ในประเทศไทย หรือธุรกิจระดับองค์กร การเลือกพารามิเตอร์ให้เหมาะสมและวิเคราะห์อย่างเป็นระบบคือกุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จทางดิจิทัล
หากคุณเพิ่งเริ่มต้นกับ GA4 การเริ่มต้นจากการวิเคราะห์พารามิเตอร์พื้นฐานอย่าง page_location
, event_name
และ value
จะช่วยให้คุณเข้าใจพฤติกรรมของลูกค้าไทยได้ชัดเจนขึ้น พร้อมต่อยอดสู่การวางกลยุทธ์แบบ data-driven ได้อย่างแท้จริง
เราเป็นเอเจนซี่การตลาดที่ดีที่สุดในประเทศไทยบนอินเทอร์เน็ต
หากคุณต้องการความช่วยเหลือ กรุณาติดต่อเราผ่านแบบฟอร์มติดต่อ
TH Ranking ให้บริการทราฟฟิกเว็บไซต์คุณภาพสูงที่สุดในประเทศไทย เรามีบริการทราฟฟิกหลากหลายรูปแบบสำหรับลูกค้า ไม่ว่าจะเป็น ทราฟฟิกเว็บไซต์, ทราฟฟิกจากเดสก์ท็อป, ทราฟฟิกจากมือถือ, ทราฟฟิกจาก Google, ทราฟฟิกจากการค้นหา, ทราฟฟิกจาก eCommerce, ทราฟฟิกจาก YouTube และทราฟฟิกจาก TikTok เว็บไซต์ของเรามีอัตราความพึงพอใจของลูกค้า 100% คุณจึงสามารถสั่งซื้อทราฟฟิก SEO จำนวนมากทางออนไลน์ได้อย่างมั่นใจ เพียง 398 บาทต่อเดือน คุณสามารถเพิ่มทราฟฟิกเว็บไซต์ ปรับปรุงประสิทธิภาพ SEO และเพิ่มยอดขายได้ทันที!
เลือกแพ็กเกจทราฟฟิกไม่ถูกใช่ไหม? ติดต่อเราได้เลย ทีมงานของเราพร้อมให้ความช่วยเหลือ
ปรึกษาฟรี