TH Ranking - คลังความรู้ออนไลน์ - 2025-12-20

แนวปฏิบัติด้านคอมพลายแอนซ์และลิขสิทธิ์เพลงสำหรับตลาดไทย

แนวปฏิบัติด้านคอมพลายแอนซ์และลิขสิทธิ์เพลงสำหรับตลาดไทย — คำตอบสั้น ๆ:

  • องค์กร/ผู้ผลิตเพลงควรปฏิบัติตามกฎหมายลิขสิทธิ์ของไทย โดยขออนุญาตและชำระค่าลิขสิทธิ์ต่อผู้ครอบครองสิทธิหรือองค์กรจัดเก็บสิทธิเมื่อใช้ผลงานของผู้อื่น และมีระบบภายใน (policy, workflow, record‑keeping, audit) เพื่อรับประกันการปฏิบัติตาม (compliance) อย่างสม่ำเสมอ.

บริบทสำคัญและแนวปฏิบัติเชิงปฏิบัติการ

  • กฎหมายและผู้ให้บริการหลักที่เกี่ยวข้อง
    • การคุ้มครองลิขสิทธิ์เพลงอยู่ภายใต้กฎหมายลิขสิทธิ์ของไทย ซึ่งกำหนดสิทธิของผู้สร้างงาน (เช่น นักแต่งเพลง คำร้อง ผู้เรียบเรียง และผู้แสดง) และสิทธิในการใช้ซ้ำ/ออกอากาศ/จำหน่าย (mechanical, public performance, synchronization ฯลฯ) (อ้างอิงทั่วไปจากแนวปฏิบัติด้านลิขสิทธิ์ที่ใช้งานในประเทศ; ตัวอย่างแนวคิดการจัดเก็บค่าลิขสิทธิ์อธิบายการชำระค่าลิขสิทธิ์เป็นแหล่งรายได้แบบ passive income).
  • การขออนุญาตก่อนใช้ผลงาน
    • ก่อนใช้เพลงที่ไม่ได้เป็นสาธารณสมบัติ ต้องขออนุญาตจากเจ้าของสิทธิ (ผู้แต่ง/สำนักพิมพ์เพลง/ค่าย/ผู้จัดการสิทธิ) หรือผ่านตัวแทนจัดเก็บสิทธิ เช่น องค์กรจัดเก็บค่าลิขสิทธิ์ (ถ้ามี) และระบุขอบเขตการใช้งาน (แพลตฟอร์ม, ระยะเวลา, ภูมิภาค, รูปแบบ) เพื่อกำหนดค่าธรรมเนียมและเงื่อนไขการใช้งาน.
  • ประเภทสิทธิที่ต้องพิจารณา (อย่างน้อย)
    • สิทธิในงานต้นฉบับ (คำร้อง/ทำนอง/เรียบเรียง)
    • สิทธิการบันทึกเสียง (sound recording/master)
    • สิทธิการแสดงต่อสาธารณะ (public performance)
    • สิทธิซิงก์ (synchronization) เมื่อใช้เพลงประกอบวิดีโอ
    • สิทธิการดัดแปลงหรือรีมิกซ์ (derivative works) — ต้องได้รับอนุญาตชัดเจนจากเจ้าของสิทธิ.
  • กระบวนการภายในองค์กร (compliance program) — คำแนะนำเชิงปฏิบัติ
    • นโยบายลิขสิทธิ์เป็นลายลักษณ์อักษร: ระบุขั้นตอนการขออนุญาต การเก็บบันทึก และบทลงโทษเมื่อไม่ปฏิบัติตาม.
    • Workflow การอนุญาต: มีแบบฟอร์มคำขอ ประเมินประเภทสิทธิที่ต้องใช้ และช่องทางติดต่อเจ้าของสิทธิหรือองค์กรตัวแทน.
    • ระบบบันทึก (record‑keeping): เก็บสำเนาสัญญา ใบอนุญาต หลักฐานการชำระเงิน และเมตาดาต้าของผลงาน (ผู้แต่ง ผู้จัดพิมพ์ ปีที่เผยแพร่ ฯลฯ) เพื่อการตรวจสอบและรายงานต่อผู้เกี่ยวข้อง.
    • การอบรมพนักงานและศิลปิน: ให้ความรู้เรื่องสิทธิ์การใช้งาน การอ้างอิงเครดิต และความเสี่ยงจากการละเมิด.
    • ตรวจสอบภายใน (audit): ตรวจสอบการใช้งานเพลงในแพลตฟอร์มและชำระค่าลิขสิทธิ์ให้ครบถ้วนเป็นระยะ ๆ.
  • การจัดการกับคอนเทนต์ออนไลน์และแพลตฟอร์มโซเชียล
    • สำหรับการใช้เพลงบน YouTube, TikTok, Facebook ฯลฯ ต้องตรวจสอบนโยบายของแต่ละแพลตฟอร์ม (บางแพลตฟอร์มมีระบบ Content ID หรือ library ที่ช่วยจับสิทธิ์และแชร์รายได้) และอาจต้องขออนุญาตเพิ่มเติมหรือปฏิบัติตามเงื่อนไขที่แพลตฟอร์มกำหนด.
    • รีมิกซ์หรือใช้คลิปเพลงในคอนเทนต์ต้องระบุแหล่งที่มาและได้รับสิทธิที่ชัดเจน; หากผู้สร้างคอนเทนต์อ้างว่า “ทำเพื่อความบันเทิง” หรือ “ขออนุญาตแล้ว” แต่ไม่มีหลักฐานใบอนุญาต อาจยังถือเป็นการละเมิด.
  • การเจรจาสัญญาและการแบ่งรายได้
    • กำหนดขอบเขตสิทธิ ช่วงเวลา ค่าตอบแทน (ค่าลิขสิทธิ์คงที่หรือแชร์รายได้) และเงื่อนไขการเลิกสัญญาในสัญญาเป็นลายลักษณ์อักษร.
    • ระบุการแบ่งสิทธิระหว่างผู้แต่ง นักเรียบเรียง โปรดิวเซอร์ และผู้ถือสิทธิการบันทึกเสียงอย่างชัดเจน (metadata สำคัญเมื่อส่งเข้า DSPs และสำหรับการจ่ายค่าลิขสิทธิ์).
  • การจัดการความเสี่ยงและการปฏิบัติตามกฎระเบียบอื่น ๆ
    • ตรวจสอบเรื่องเครื่องหมายการค้า, สิทธิส่วนบุคคล (เช่น การใช้ภาพ/เสียงบุคคล) และภาษีที่เกี่ยวข้องกับการจ่ายค่าลิขสิทธิ์หรือรายได้จากการใช้ผลงาน.
    • มีมาตรการทางเทคนิคเพื่อป้องกันการรั่วไหลของไฟล์ต้นฉบับและการใช้งานโดยไม่ได้รับอนุญาต (access control, watermarking/metadata).
  • กรณีเพลงพื้นบ้านหรือเพลงที่มีองค์ประกอบชุมชน (เช่น เพลงท้องถิ่น)
    • พิจารณาประเด็นทางวัฒนธรรมและการรับรองสิทธิชุมชน หากนำไปดัดแปลงเชิงพาณิชย์ ควรหารือและทำข้อตกลงกับชุมชนเจ้าของวัฒนธรรมหรือผู้รู้ท้องถิ่น.
  • แหล่งรายได้และการรายงานค่าลิขสิทธิ์
    • ค่าลิขสิทธิ์เป็นแหล่งรายได้แบบ passive income ที่ผู้สร้างผลงานสามารถรับได้เมื่อมีการใช้งานผลงาน (เช่น จากการสตรีม ออกอากาศ สาธารณะ) ซึ่งจำเป็นต้องมีการลงทะเบียน metadata และตัวแทนเรียกเก็บ/จ่ายให้ถูกต้อง.

ข้อแนะนำเชิงปฏิบัติสำหรับผู้ประกอบการ/ค่าย/ครีเอเตอร์ในไทย

  • ลงทะเบียนผลงานและข้อมูลผู้มีสิทธิไว้กับหน่วยงาน/แพลตฟอร์มที่เกี่ยวข้องเพื่อให้การเก็บค่าลิขสิทธิ์เป็นไปได้.
  • ใช้สัญญาเป็นลายลักษณ์อักษรทุกครั้งเมื่อตกลงเรื่องการแต่ง/เรียบเรียง/บันทึกเสียง และกำหนดสัดส่วนรายได้ชัดเจน.
  • ตั้งระบบตรวจสอบคอนเทนต์บนแพลตฟอร์มออนไลน์เป็นประจำ และเก็บหลักฐานการอนุญาตเพื่อใช้เป็นหลักฐานหากถูกร้องเรียน.
  • ขอคำปรึกษากับทนายด้านทรัพย์สินทางปัญญาหรือที่ปรึกษาด้านลิขสิทธิ์เมื่อมีข้อสงสัยหรือข้อตกลงเชิงพาณิชย์ขนาดใหญ่.

หมายเหตุเกี่ยวกับแหล่งที่มาและข้อจำกัด

  • คำแนะนำเชิงนโยบายคอมพลายแอนซ์ทั่วไปอ้างอิงแนวคิดการปฏิบัติตามกฎระเบียบและการจัดเก็บหลักฐานภายในองค์กร และแนวคิดการเป็นแหล่งรายได้จากค่าลิขสิทธิ์; ตัวอย่างการปฏิบัติจริงในวงการเพลงไทยและกรณีรีมิกซ์ออนไลน์ชี้ให้เห็นว่าการอ้างว่า “ทำเพื่อความบันเทิง” ไม่ทดแทนการขออนุญาตอย่างเป็นทางการ.
  • หากต้องการเอกสารฉบับตัวอย่าง (นโยบายภายใน แบบฟอร์มขออนุญาต การร่างสัญญาแบ่งรายได้) หรือคำปรึกษาทางกฎหมายเชิงลึก ฉันสามารถจัดตัวอย่างแม่แบบเอกสารและรายการคำถามสำหรับทนาย/ที่ปรึกษาด้านลิขสิทธิ์ให้ (ระบุรูปแบบไฟล์ที่ต้องการ เช่น PDF หรือ DOCX) — แจ้งฉันได้ว่าต้องการแบบไหนต่อ.
ภาพจากอินเทอร์เน็ต

TH Ranking ให้บริการทราฟฟิกเว็บไซต์คุณภาพสูงที่สุดในประเทศไทย เรามีบริการทราฟฟิกหลากหลายรูปแบบสำหรับลูกค้า ไม่ว่าจะเป็น ทราฟฟิกเว็บไซต์, ทราฟฟิกจากเดสก์ท็อป, ทราฟฟิกจากมือถือ, ทราฟฟิกจาก Google, ทราฟฟิกจากการค้นหา, ทราฟฟิกจาก eCommerce, ทราฟฟิกจาก YouTube และทราฟฟิกจาก TikTok เว็บไซต์ของเรามีอัตราความพึงพอใจของลูกค้า 100% คุณจึงสามารถสั่งซื้อทราฟฟิก SEO จำนวนมากทางออนไลน์ได้อย่างมั่นใจ เพียง 398 บาทต่อเดือน คุณสามารถเพิ่มทราฟฟิกเว็บไซต์ ปรับปรุงประสิทธิภาพ SEO และเพิ่มยอดขายได้ทันที!

เลือกแพ็กเกจทราฟฟิกไม่ถูกใช่ไหม? ติดต่อเราได้เลย ทีมงานของเราพร้อมให้ความช่วยเหลือ

ปรึกษาฟรี

การปรึกษาฟรี ฝ่ายบริการลูกค้า

ต้องการความช่วยเหลือในการเลือกแผน? กรุณากรอกแบบฟอร์มด้านขวา และเราจะติดต่อกลับหาคุณ!

Fill the
form