TH Ranking - ข่าว - 2025-05-06

ส่วนแบ่งตลาดเครื่องมือค้นหาในประเทศไทยเป็นอย่างไร?

ในยุคที่เทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันของคนไทยอย่างลึกซึ้ง เครื่องมือค้นหา (Search Engines) ได้กลายเป็นประตูแรกที่ผู้ใช้งานเข้าถึงข้อมูล สินค้า และบริการต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการค้นหาข้อมูลทางการศึกษา ข่าวสารล่าสุด ผลิตภัณฑ์ใหม่ หรือแม้แต่การหาคำตอบในชีวิตประจำวัน ดังนั้น การทำความเข้าใจว่าเครื่องมือค้นหาใดครองส่วนแบ่งตลาดมากที่สุดในประเทศไทย จึงเป็นสิ่งสำคัญสำหรับนักการตลาดออนไลน์ นักพัฒนาเว็บไซต์ และผู้ประกอบการที่ต้องการวางกลยุทธ์ให้สอดคล้องกับพฤติกรรมของผู้บริโภค

บทความนี้จะพาคุณไปสำรวจภาพรวมของส่วนแบ่งตลาดเครื่องมือค้นหาในประเทศไทย แนวโน้มการเปลี่ยนแปลง พฤติกรรมของผู้ใช้งาน รวมถึงข้อพิจารณาสำคัญที่นักธุรกิจและนักการตลาดควรรู้เพื่อปรับตัวให้เข้ากับภูมิทัศน์ดิจิทัลที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว

1. ภาพรวมของตลาดเครื่องมือค้นหาในประเทศไทย

เมื่อพูดถึงเครื่องมือค้นหา หลายคนอาจนึกถึง Google เป็นชื่อแรก และนั่นก็ไม่ผิด เนื่องจาก Google ยังคงเป็นผู้เล่นหลักในตลาดทั่วโลก รวมถึงในประเทศไทยด้วย ในขณะที่ยังมีเครื่องมือค้นหาอื่น ๆ ที่มีบทบาทบ้างในกลุ่มผู้ใช้เฉพาะกลุ่ม

สถิติล่าสุดของส่วนแบ่งตลาด (โดยประมาณ)

  • Google: มากกว่า 95% ของตลาด
  • Bing: ประมาณ 2-3%
  • Yahoo: ต่ำกว่า 1%
  • DuckDuckGo: ราว 0.5%
  • Baidu / Yandex / อื่นๆ: ไม่ถึง 0.5%

จากตัวเลขข้างต้นจะเห็นได้ว่า Google ครองตลาดในประเทศไทยอย่างเบ็ดเสร็จ และยังไม่มีท่าทีว่าจะถูกแทนที่ในระยะอันใกล้ แม้จะมีเครื่องมือค้นหาทางเลือกที่เน้นความเป็นส่วนตัวหรือคุณสมบัติเฉพาะทางก็ตาม

2. เหตุผลที่ Google ครองตลาดในประเทศไทย

2.1 ความสะดวกและความแม่นยำของผลการค้นหา

Google ลงทุนอย่างมหาศาลในการพัฒนาอัลกอริธึมเพื่อให้ผลลัพธ์การค้นหาตรงกับความต้องการของผู้ใช้มากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นระบบ AI, machine learning หรือระบบการวิเคราะห์พฤติกรรมผู้ใช้

2.2 การรองรับภาษาไทยอย่างสมบูรณ์

Google เป็นเครื่องมือค้นหาที่เข้าใจภาษาไทยได้ดีที่สุด ทั้งในด้านความหมาย โครงสร้างประโยค และบริบท ซึ่งเป็นสิ่งที่เครื่องมือค้นหาอื่น ๆ ยังตามไม่ทัน นอกจากนี้ Google ยังแสดงผลลัพธ์จากเว็บไซต์ไทยที่เกี่ยวข้องอย่างถูกต้อง แม่นยำ

2.3 การบูรณาการกับบริการอื่นของ Google

ผู้ใช้หลายคนในประเทศไทยมีบัญชี Google อยู่แล้ว ซึ่งมักจะเชื่อมโยงกับบริการอื่น ๆ เช่น Gmail, Google Maps, Google Drive และ YouTube สิ่งนี้ทำให้การใช้ Google Search เป็นไปอย่างไร้รอยต่อ

3. เครื่องมือค้นหาอื่นที่มีบทบาทรอง

3.1 Bing

Bing จาก Microsoft มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง และได้รับการบูรณาการกับระบบปฏิบัติการ Windows โดยเฉพาะ Cortana และ Microsoft Edge อย่างไรก็ตาม ในประเทศไทย Bing ยังมีการใช้งานจำกัด เนื่องจากพฤติกรรมของผู้ใช้เน้นไปที่ Google เป็นหลัก

3.2 Yahoo

แม้ Yahoo จะเคยเป็นเครื่องมือค้นหาหลักในช่วงยุคเริ่มต้นของอินเทอร์เน็ต แต่ปัจจุบันบทบาทของ Yahoo ในประเทศไทยค่อนข้างน้อย เนื่องจากไม่สามารถแข่งขันในด้านเทคโนโลยีและความแม่นยำได้

3.3 DuckDuckGo

เครื่องมือค้นหานี้เริ่มมีผู้ใช้เพิ่มขึ้นในหมู่ผู้ที่ใส่ใจเรื่องความเป็นส่วนตัวและไม่ต้องการให้ข้อมูลถูกเก็บหรือติดตาม ถึงแม้จะมีการเติบโตในระดับโลก แต่ในประเทศไทย DuckDuckGo ยังถือว่าเป็นเครื่องมือค้นหาทางเลือกที่มีฐานผู้ใช้งานจำกัด

4. แนวโน้มในอนาคตของตลาด Search Engine ในประเทศไทย

แม้ว่า Google จะยังคงครองตลาดในปัจจุบัน แต่ก็มีปัจจัยบางอย่างที่อาจส่งผลต่อแนวโน้มในอนาคต เช่น:

4.1 การตื่นตัวเรื่องความเป็นส่วนตัว

กระแสความตื่นตัวของผู้ใช้เกี่ยวกับความเป็นส่วนตัวของข้อมูล อาจทำให้เครื่องมือค้นหาที่ไม่ติดตามข้อมูลผู้ใช้ เช่น DuckDuckGo หรือ Brave Search ได้รับความสนใจมากขึ้น

4.2 การเข้ามาของ AI Search และการค้นหาแบบใหม่

การใช้ AI เช่น ChatGPT, Gemini หรือ Copilot Search อาจเปลี่ยนรูปแบบการค้นหาไปจากเดิม โดยผู้ใช้อาจหันมาใช้เครื่องมือที่ให้คำตอบทันทีแบบบทสนทนา แทนการค้นหาด้วย keyword แล้วค่อยกดเข้าเว็บไซต์ต่าง ๆ

4.3 เสียงของผู้ใช้ผ่านสมาร์ทโฟน

การค้นหาด้วยเสียง (Voice Search) กำลังกลายเป็นกระแสนิยมในประเทศไทย โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ใช้สมาร์ทโฟน ซึ่งระบบค้นหาของ Google ก็ยังคงนำอยู่ในด้านนี้ แต่คู่แข่งอย่าง Apple (Siri) และ Amazon (Alexa) ก็พยายามเร่งพัฒนาให้ตามทัน

5. ผลกระทบต่อนักธุรกิจและนักการตลาดไทย

จากส่วนแบ่งตลาดที่ Google ครองเกินกว่า 95% อย่างมั่นคง ทำให้การวางกลยุทธ์ทางการตลาดออนไลน์ในประเทศไทยจำเป็นต้องให้ความสำคัญกับ Google เป็นอันดับแรก โดยเฉพาะในด้านต่าง ๆ ดังนี้:

5.1 การทำ SEO (Search Engine Optimization)

เว็บไซต์ไทยที่ต้องการเพิ่มการเข้าถึง ควรเน้นการทำ SEO ตามแนวทางของ Google ไม่ว่าจะเป็นการเขียนเนื้อหาคุณภาพ การใช้ keyword ที่เหมาะสม การปรับโครงสร้างเว็บไซต์ให้โหลดเร็วและรองรับมือถือ (mobile-first)

5.2 การทำ SEM (Search Engine Marketing)

Google Ads คือเครื่องมือโฆษณาหลักที่ธุรกิจไทยใช้เพื่อเจาะกลุ่มเป้าหมายที่ค้นหาสินค้าหรือบริการ โดยงบประมาณเฉลี่ยต่อคลิก (Cost per Click – CPC) ในบางหมวดธุรกิจอาจเริ่มต้นที่ 5–20 บาท และอาจสูงถึง 100–300 บาทต่อคลิกในหมวดการแข่งขันสูง เช่น ประกันภัย สินเชื่อ หรืออสังหาริมทรัพย์

5.3 การติดตามและวิเคราะห์ข้อมูล

การใช้ Google Analytics และ Google Search Console เป็นเครื่องมือพื้นฐานที่ช่วยให้ธุรกิจสามารถวิเคราะห์พฤติกรรมผู้ใช้ ปรับปรุงเนื้อหา และเพิ่มโอกาสทางการตลาดได้อย่างแม่นยำ

6. คำแนะนำสำหรับธุรกิจในประเทศไทย

หากคุณกำลังวางแผนทำการตลาดออนไลน์หรือขยายธุรกิจบนโลกดิจิทัล คำแนะนำเบื้องต้นคือ:

  • ให้ความสำคัญกับ Google เป็นหลัก: ตั้งแต่การออกแบบเว็บไซต์ ไปจนถึงการซื้อโฆษณา
  • ติดตามแนวโน้มเทคโนโลยี: เช่น AI, การค้นหาด้วยเสียง, และการค้นหาด้วยรูปภาพ
  • สำรวจช่องทางรอง: แม้เครื่องมืออื่นจะมีส่วนแบ่งน้อย แต่หากกลุ่มเป้าหมายเฉพาะอยู่ที่นั่น (เช่น กลุ่ม B2B ใช้ Bing มากขึ้นในบางอุตสาหกรรม) ก็ควรพิจารณา
  • วางแผนงบประมาณให้เหมาะสม: หากคุณทำโฆษณาผ่าน Google Ads อย่าลืมคำนวณต้นทุนต่อคลิก (CPC) อย่างรอบคอบ โดยเฉพาะในตลาดที่มีการแข่งขันสูง เพื่อให้ได้ผลตอบแทนจากการลงทุน (ROI) ที่ดี

7. สรุป

ส่วนแบ่งตลาดเครื่องมือค้นหาในประเทศไทยถูกครอบครองโดย Google อย่างท่วมท้น ด้วยเหตุผลด้านความแม่นยำ ความสะดวก และการรองรับภาษาไทยอย่างดีเยี่ยม แม้จะมีเครื่องมือค้นหาทางเลือกอื่น ๆ ที่เริ่มมีบทบาทมากขึ้นในกลุ่มผู้ใช้เฉพาะทาง แต่ Google ก็ยังคงเป็นแกนหลักของระบบค้นหาในประเทศนี้

สำหรับนักธุรกิจและนักการตลาด การเข้าใจและปรับตัวตามพฤติกรรมการใช้งานเครื่องมือค้นหาของคนไทยเป็นกุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จในยุคดิจิทัล การมองข้ามเรื่องนี้อาจทำให้คุณเสียโอกาสสำคัญในการเข้าถึงลูกค้าในต้นทุนที่เหมาะสมและมีประสิทธิภาพ


เราเป็นเอเจนซี่การตลาดที่ดีที่สุดในประเทศไทยบนอินเทอร์เน็ต
หากคุณต้องการความช่วยเหลือ กรุณาติดต่อเราผ่านแบบฟอร์มติดต่อ

ปรึกษาฟรี

TH Ranking ให้บริการทราฟฟิกเว็บไซต์คุณภาพสูงที่สุดในประเทศไทย เรามีบริการทราฟฟิกหลากหลายรูปแบบสำหรับลูกค้า ไม่ว่าจะเป็น ทราฟฟิกเว็บไซต์, ทราฟฟิกจากเดสก์ท็อป, ทราฟฟิกจากมือถือ, ทราฟฟิกจาก Google, ทราฟฟิกจากการค้นหา, ทราฟฟิกจาก eCommerce, ทราฟฟิกจาก YouTube และทราฟฟิกจาก TikTok เว็บไซต์ของเรามีอัตราความพึงพอใจของลูกค้า 100% คุณจึงสามารถสั่งซื้อทราฟฟิก SEO จำนวนมากทางออนไลน์ได้อย่างมั่นใจ เพียง 398 บาทต่อเดือน คุณสามารถเพิ่มทราฟฟิกเว็บไซต์ ปรับปรุงประสิทธิภาพ SEO และเพิ่มยอดขายได้ทันที!

เลือกแพ็กเกจทราฟฟิกไม่ถูกใช่ไหม? ติดต่อเราได้เลย ทีมงานของเราพร้อมให้ความช่วยเหลือ

ปรึกษาฟรี

การปรึกษาฟรี ฝ่ายบริการลูกค้า

ต้องการความช่วยเหลือในการเลือกแผน? กรุณากรอกแบบฟอร์มด้านขวา และเราจะติดต่อกลับหาคุณ!

Fill the
form