TH Ranking - ข่าว - 2025-05-11

วิธีโปรโมตร้านอาหารออนไลน์ให้มีลูกค้าในประเทศไทย (ฉบับปี 2025)

ในยุคที่ผู้บริโภคค้นหาร้านอาหารผ่าน Google, Facebook หรือแอปเดลิเวอรี่มากกว่าการเดินผ่านหน้าร้าน การโปรโมตร้านอาหารออนไลน์จึงกลายเป็นสิ่งสำคัญยิ่ง โดยเฉพาะในประเทศไทยที่พฤติกรรมการบริโภคมีความเปลี่ยนแปลงรวดเร็ว ร้านอาหารที่ต้องการอยู่รอดและเติบโต ต้องรู้วิธีการทำตลาดออนไลน์ให้ตรงจุดและเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายอย่างมีประสิทธิภาพ

บทความนี้จะเจาะลึกกลยุทธ์และเทคนิคการตลาดออนไลน์ที่ใช้ได้ผลจริงสำหรับร้านอาหารในประเทศไทย ทั้งแบบนั่งทานในร้าน (Dine-in) และแบบสั่งกลับบ้าน (Takeaway / Delivery)


1. สร้างตัวตนออนไลน์ให้ครบทุกช่องทางหลัก

1.1 เว็บไซต์ (Website)

การมีเว็บไซต์ถือเป็น “หน้าร้านดิจิทัล” ของร้านอาหาร ควรออกแบบให้ใช้งานง่าย รองรับมือถือ และมีข้อมูลพื้นฐาน เช่น:

  • เมนูพร้อมราคา
  • เวลาเปิด-ปิด
  • แผนที่ / แผนที่ Google Maps
  • ช่องทางการจองโต๊ะหรือสั่งอาหาร
  • ภาพถ่ายอาหารที่น่ารับประทาน

ต้นทุน: เริ่มต้นประมาณ 5,000–20,000 บาท หากจ้างนักพัฒนา หรือใช้งานแพลตฟอร์มสำเร็จรูปอย่าง Wix หรือ WordPress

1.2 Google Business Profile (เดิมชื่อ Google My Business)

ฟรี! และเป็นหนึ่งในเครื่องมือที่คนไทยใช้มากที่สุดเวลาเสิร์ชคำว่า “ร้านอาหารใกล้ฉัน”

สิ่งที่ควรอัปเดต:

  • ภาพอาหารและร้าน
  • หมวดหมู่ (เช่น อาหารไทย, อาหารญี่ปุ่น)
  • คำอธิบายร้าน
  • เบอร์โทรศัพท์
  • ตอบรีวิวลูกค้า

1.3 Facebook Page และ Instagram

ทั้งสองแพลตฟอร์มนี้ยังคงมีอิทธิพลสูงในประเทศไทย โดยเฉพาะกลุ่มอายุ 20–45 ปี ที่นิยมดูรีวิวและเมนูผ่านโพสต์และ Story

  • ใช้ Facebook สำหรับโพสต์โปรโมชัน รีวิว และ LIVE
  • ใช้ Instagram สำหรับภาพอาหารที่ดึงดูดสายตา

1.4 LINE OA (LINE Official Account)

คนไทยใช้ LINE กันแทบทุกคน การมี LINE OA เป็นการติดต่อสื่อสารและส่งโปรโมชันได้โดยตรงถึงลูกค้า

  • ใช้ส่งคูปองส่วนลด
  • ระบบแชทตอบลูกค้า
  • ระบบสะสมแต้ม (LINE CRM)


2. ยิงโฆษณาออนไลน์แบบคุ้มค่า

2.1 Facebook Ads และ Instagram Ads

สามารถตั้งเป้าหมายเจาะจงพื้นที่ใกล้ร้าน เช่น ยิงโฆษณาให้เฉพาะคนในรัศมี 5 กิโลเมตรเห็นได้

  • ตัวอย่าง: โปรโมต “ชุดอาหารกลางวัน 89 บาท เฉพาะวันจันทร์–ศุกร์”
  • งบประมาณเริ่มต้น: วันละ 100–300 บาท

2.2 Google Ads (Search Ads)

เหมาะสำหรับร้านที่ต้องการให้คนหาเจอเวลาพิมพ์คำว่า “ร้านอาหารญี่ปุ่น รังสิต” หรือ “ข้าวมันไก่เดลิเวอรี่ กรุงเทพ”

  • งบขั้นต่ำ: เริ่มต้น 1,000–5,000 บาทต่อเดือน

2.3 Influencer Marketing

เชิญบล็อกเกอร์สายกินหรือ TikToker มารีวิวร้าน

  • เลือกจากกลุ่ม Micro-influencer ที่มีผู้ติดตาม 5,000–50,000 คน ราคาจะอยู่ที่ 1,000–5,000 บาทต่อโพสต์
  • ให้ฟรีอาหารหรือส่วนลดพิเศษแลกรีวิว


3. ลงทะเบียนร้านกับแอปเดลิเวอรี่ยอดนิยม

คนไทยใช้แอปส่งอาหารอย่าง Grab, LINEMAN, Robinhood และ Foodpanda เป็นประจำ ร้านที่ไม่มีในแอปมักเสียโอกาสในการขายโดยไม่รู้ตัว

ข้อดีของการลงแอป:

  • ขยายฐานลูกค้าโดยไม่ต้องมีเว็บไซต์
  • โปรโมตร้านผ่านแคมเปญของแอป (เช่น ส่วนลด 20%)
  • ได้รีวิวเพิ่มในระบบแอป

ค่าคอมมิชชั่น (ขึ้นกับแต่ละแอป):

  • Grab: ประมาณ 25%–30%
  • Robinhood: ไม่มีค่าคอม แต่มีค่า GP ขึ้นอยู่กับโปรโมชัน


4. เทคนิคการสร้างคอนเทนต์ที่ดึงดูดลูกค้า

4.1 ภาพถ่ายอาหารต้อง "น่ากิน" จริง

ลงทุนกับการถ่ายภาพที่มีแสงดี มุมสวย และดู “กินได้” บางร้านจ้างช่างภาพวันเดียว ถ่ายเมนูทั้งหมดไว้ใช้ยาว ๆ

4.2 คลิปวิดีโอสั้น (Short Video / TikTok / Reels)

คนไทยนิยมดูวิดีโอรีวิวร้านอาหาร ควรผลิตคลิปแนว:

  • เบื้องหลังการทำอาหาร
  • ลูกค้ารีวิวจริง
  • เมนูแนะนำใน 30 วินาที

4.3 คำบรรยาย / แคปชันที่มีอารมณ์ร่วม

แนะนำให้เขียนแนวเล่าเรื่อง เช่น

“แกงเขียวหวานสูตรคุณยาย ที่ตกทอดมานานกว่า 40 ปี” ดีกว่าเขียนแค่ “แกงเขียวหวาน 89 บาท”


5. ใช้กลยุทธ์โปรโมชันเพื่อกระตุ้นยอดขาย

5.1 ส่วนลดสำหรับลูกค้าใหม่

เสนอส่วนลด 10%–20% สำหรับลูกค้าที่สั่งครั้งแรกผ่าน LINE หรือแอป

5.2 ซื้อ 1 แถม 1 เฉพาะวัน

โปรนี้ได้ผลเสมอ เช่น “ซื้อพิซซ่าแถมฟรีเฉพาะวันพุธ”

5.3 สะสมแต้ม แลกรางวัล

ใช้ระบบสะสมแต้มผ่าน LINE OA หรือบัตรสะสมแต้ม


6. บริหารรีวิวและความน่าเชื่อถือ

6.1 กระตุ้นให้ลูกค้ารีวิว

หลังลูกค้ารับประทานหรือรับอาหาร ควรส่งข้อความขอรีวิว พร้อมให้ส่วนลดเล็กน้อยในการมาใช้บริการครั้งหน้า

6.2 ตอบทุกรีวิว ทั้งดีและไม่ดี

  • รีวิวดี: ตอบขอบคุณด้วยภาษาที่จริงใจ
  • รีวิวแย่: ขอโทษ พร้อมชี้แจง และเสนอแนวทางแก้ไข

6.3 อย่าลืม Pantip, Wongnai, และ Google Reviews

แพลตฟอร์มรีวิวไทยเหล่านี้ยังคงมีอิทธิพลสูง โดยเฉพาะกลุ่มคนทำงานอายุ 25–45 ปี


7. วิเคราะห์ข้อมูลและวัดผล

ใช้เครื่องมือวิเคราะห์เช่น:

  • Facebook Insights: ดูว่าโพสต์ไหนมีคนสนใจมาก
  • Google Analytics: ดูว่าคนเข้ามาเว็บไซต์จากที่ไหน
  • LINE OA Analytics: ตรวจสอบว่าแคมเปญไหนคนกดเยอะ

จากนั้นปรับปรุงกลยุทธ์ตามพฤติกรรมจริง ไม่ใช่แค่คาดเดา


8. เคล็ดลับสำหรับปี 2025: AI และ Automation

8.1 ระบบตอบแชทอัตโนมัติ (Chatbot)

เช่น ลูกค้าพิมพ์ว่า “ขอดูเมนู” แล้วบอทส่งลิงก์เมนูกลับไปอัตโนมัติ

8.2 ใช้ AI ช่วยวิเคราะห์ยอดขาย

บางระบบ POS หรือเดลิเวอรี่มี AI บอกว่าเมนูไหนขายดีเวลาไหน ควรโปรโมตช่วงใด

8.3 ระบบจองโต๊ะอัตโนมัติผ่านเว็บไซต์หรือ LINE

ลดภาระการรับโทรศัพท์ เพิ่มประสบการณ์ลูกค้า


สรุป: ร้านอาหารในไทยควรเริ่มจากอะไรก่อน?


ขั้นตอนรายละเอียดงบประมาณโดยประมาณ (THB)
สร้างเว็บไซต์/Google My Businessให้ลูกค้าเสิร์ชเจอง่าย5,000–20,000
เปิด Facebook/IG Page และ LINE OAตัวตนในโซเชียลฟรี–3,000 (กรณีทำโลโก้/ภาพโปร)
ยิง Ads ในรัศมีร้านกระตุ้นยอดขายทันทีวันละ 100–300 บาท
ลงแอปเดลิเวอรี่เพิ่มช่องทางขายค่าคอมมิชชั่น 0%–30%
ใช้ Influencer รีวิวเพิ่มการรู้จัก1,000–5,000 ต่อคน
สร้างวิดีโอ/ภาพอาหารเนื้อหาที่ขายได้0–10,000 บาท
ตอบรีวิว/บริหารชื่อเสียงเพิ่มความน่าเชื่อถือฟรี


สุดท้ายนี้…

การโปรโมตร้านอาหารออนไลน์ในประเทศไทยไม่ใช่แค่เรื่องของการโพสต์รูปสวย ๆ แล้วรอลูกค้า แต่ต้องใช้กลยุทธ์ที่เหมาะสมกับพฤติกรรมผู้บริโภคไทย รู้ว่าใครคือกลุ่มเป้าหมาย และสื่อสารให้ตรงจุด

หากคุณวางแผนและบริหารช่องทางดิจิทัลอย่างถูกวิธี ร้านอาหารของคุณก็สามารถมีลูกค้าประจำเพิ่มขึ้น สร้างยอดขายได้อย่างยั่งยืนในยุคดิจิทัลของปี 2025


เราเป็นเอเจนซี่การตลาดที่ดีที่สุดในประเทศไทยบนอินเทอร์เน็ต
หากคุณต้องการความช่วยเหลือ กรุณาติดต่อเราผ่านแบบฟอร์มติดต่อ

ปรึกษาฟรี

TH Ranking ให้บริการทราฟฟิกเว็บไซต์คุณภาพสูงที่สุดในประเทศไทย เรามีบริการทราฟฟิกหลากหลายรูปแบบสำหรับลูกค้า ไม่ว่าจะเป็น ทราฟฟิกเว็บไซต์, ทราฟฟิกจากเดสก์ท็อป, ทราฟฟิกจากมือถือ, ทราฟฟิกจาก Google, ทราฟฟิกจากการค้นหา, ทราฟฟิกจาก eCommerce, ทราฟฟิกจาก YouTube และทราฟฟิกจาก TikTok เว็บไซต์ของเรามีอัตราความพึงพอใจของลูกค้า 100% คุณจึงสามารถสั่งซื้อทราฟฟิก SEO จำนวนมากทางออนไลน์ได้อย่างมั่นใจ เพียง 398 บาทต่อเดือน คุณสามารถเพิ่มทราฟฟิกเว็บไซต์ ปรับปรุงประสิทธิภาพ SEO และเพิ่มยอดขายได้ทันที!

เลือกแพ็กเกจทราฟฟิกไม่ถูกใช่ไหม? ติดต่อเราได้เลย ทีมงานของเราพร้อมให้ความช่วยเหลือ

ปรึกษาฟรี

การปรึกษาฟรี ฝ่ายบริการลูกค้า

ต้องการความช่วยเหลือในการเลือกแผน? กรุณากรอกแบบฟอร์มด้านขวา และเราจะติดต่อกลับหาคุณ!

Fill the
form