การวางแผนค้นหาคำหลัก (Keyword Research) อย่างละเอียด
ความหมายและความสำคัญของ Keyword Research
Keyword Research หรือการวิจัยคีย์เวิร์ด เป็นกระบวนการค้นหาและวิเคราะห์คำที่ผู้ใช้มักพิมพ์ลงใน Google หรือเครื่องมือค้นหาอื่น ๆ เพื่อค้นหาข้อมูล การทำ Keyword Research ไม่ใช่แค่การหาคำศัพท์ แต่เป็นการเข้าใจภาพรวมของหัวข้อที่กลุ่มเป้าหมายสนใจ ข้อมูลนี้จะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งในการวางแผน Content Strategy และการสร้างเนื้อหาที่หลากหลายแต่ยังคงเกี่ยวข้องกับแก่นของธุรกิจ
นักทำ SEO และบริษัทเอเจนซีรับทำ SEO จะทำ Keyword Research เพื่อใช้ตอบคำถามต่อไปนี้:
- หาปริมาณคำค้นหาต่อเดือน (Search Volume) ของคีย์เวิร์ดที่ต้องการทำอันดับ
- วิเคราะห์การแข่งขันของคีย์เวิร์ด (Keyword Difficulty)
- วางแผนและกำหนดกลยุทธ์คอนเทนต์ เพื่อเพิ่มยอดผู้เข้าชมเว็บไซต์
- หาคีย์เวิร์ดที่มีความสำคัญมากที่สุด (Prioritizing Keywords)
ขั้นตอนการทำ Keyword Research
ขั้นตอนที่ 1: ตั้งต้นด้วยความเข้าใจในธุรกิจและกลุ่มเป้าหมาย
เริ่มจากคิดในมุมมองของผู้บริโภค โดยคิดว่าคีย์เวิร์ดใดบ้างที่ผู้ใช้หรือผู้บริโภคน่าจะค้นหา กำหนดวัตถุประสงค์หลักของเว็บไซต์ให้ชัดเจน เช่น ซื้อสินค้า หรือหาข้อมูล เพื่อให้ง่ายต่อการหาคำหลักที่เกี่ยวข้อง
ขั้นตอนที่ 2: สร้างลิสต์คีย์เวิร์ดตั้งต้น (Seed Keywords)
เริ่มต้นด้วยการทำลิสต์รวบรวมคำหลักๆ ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของคุณ ขั้นตอนนี้อาจเริ่มจากการสังเกตคำที่ลูกค้าค้นหาหรือขอไอเดียจากทีมที่ช่วยคิด ลิสต์นี้ควรมีจำนวนที่พอเหมาะ ไม่มากหรือน้อยจนเกินไป
ขั้นตอนที่ 3: ค้นหาและวิเคราะห์คีย์เวิร์ด
ใช้เครื่องมือช่วยวิเคราะห์คีย์เวิร์ด เช่น:
- Google Keyword Planner - เครื่องมือฟรีจาก Google
- Ahrefs - ดูข้อมูล "Organic Keywords"
- SEMrush - ใช้ "Keyword Gap Analysis"
- Ubersuggest - ดูข้อมูล "Keyword Ideas"
- Google Trend - ติดตามแนวโน้มการค้นหา
นอกจากนี้ยังสามารถค้นหาจากการแนะนำของ Google ค้นหาจากเว็บไซต์ของคู่แข่ง และสังเกตพฤติกรรมและความต้องการของผู้บริโภค
ขั้นตอนที่ 4: จัดกลุ่มคีย์เวิร์ดและวางแผนโครงสร้าง Content
เมื่อได้คีย์เวิร์ดที่น่าสนใจมาจำนวนหนึ่งแล้ว ให้เริ่มจัดกลุ่มคีย์เวิร์ดที่มีความหมายใกล้เคียงกันหรืออยู่ในหัวข้อเดียวกัน การจัดกลุ่มนี้จะช่วยให้คุณ:
- วางแผนโครงสร้างบทความ: คีย์เวิร์ดที่จัดกลุ่มแล้วสามารถกลายเป็นหัวข้อหลักและหัวข้อย่อยในบทความของคุณได้
- เพิ่มความน่าเชื่อถือในการนำเสนอคอนเทนต์
ขั้นตอนที่ 5: เลือกคีย์เวิร์ดที่เหมาะสมเพื่อสร้าง Content
ไม่ใช่ทุกคีย์เวิร์ดที่ได้มาจะเหมาะกับการสร้าง Content คุณต้องเลือกคีย์เวิร์ดที่มีศักยภาพมากพอในการดึงดูด Users ให้เข้ามายังเว็บไซต์ได้ โดยต้องเป็นคีย์เวิร์ดที่มีปริมาณ Search Volume มากเพียงพอ และมีเนื้อหาสอดคล้องกับความต้องการของ Users รวมถึงก่อให้เกิดผลดีทางธุรกิจ
ประเภทของคีย์เวิร์ดที่ต้องรู้
High Volume Keywords vs Low Volume Keywords
High Volume Keywords มีการค้นหาสูง แต่ก็แข่งขันสูง เช่น "SEO"
Low Volume Keywords มีค้นหาน้อย แต่คู่แข่งน้อย เช่น "เทคนิค SEO สำหรับธุรกิจขนาดเล็ก"
Long-Tail Keywords vs Short-Tail Keywords
ถ้าเป็นธุรกิจใหม่ ควรเริ่มจาก Long-Tail Keywords (คีย์เวิร์ดยาว) ที่แข่งขันต่ำก่อน แล้วถ้ามีเว็บไซต์ที่แข็งแกร่งแล้ว อาจใช้ Short-Tail Keywords เพื่อดึงทราฟฟิกมากขึ้น การใช้คีย์เวิร์ดที่ยาวขึ้น (Long-Tail Keyword) หรือพวกประโยคคำถามจะช่วยให้คุณค้นหาคีย์เวิร์ดที่แม่นยำยิ่งขึ้น
เกณฑ์การเลือกคีย์เวิร์ด
ปริมาณการค้นหา (Search Volume)
ปริมาณของ Search Volume ต้องไม่น้อยเกินไป อย่างน้อยควรเลือกคีย์เวิร์ดที่มี Search Volume ประมาณ 1,000 ขึ้นไป สำหรับธุรกิจขนาดเล็ก ควรเริ่มต้นด้วยคีย์เวิร์ดประมาณ 5 คำ โดยแต่ละคำมี Search Volume ต่อเดือนมากกว่า 100+ ต่อคำ
ความตรงกับ Search Intent
เลือกคีย์เวิร์ดที่ตรงกับ Search Intent ของผู้ใช้ ใช้เครื่องมืออย่าง Ubersuggest เพื่อหา Keyword Idea ตาม Search Intent และพิจารณา Keyword Suggestions เพื่อเลือกคีย์เวิร์ดที่ตรงกับเป้าหมาย
ความเกี่ยวข้องกับธุรกิจ
เลือกกลุ่มคำคีย์เวิร์ดที่ตรงกับสินค้าหรือบริการของคุณก่อนเป็นอันดับแรก ตัวอย่างเช่น ถ้าคุณมีบริการรับสร้างเว็บไซต์ คีย์เวิร์ดแรกที่ควรเริ่มต้นทำก็คือ "รับสร้างเว็บไซต์"
กลยุทธ์เพิ่มเติม
วิเคราะห์คีย์เวิร์ดของคู่แข่ง
เลือกคีย์เวิร์ดที่คู่แข่งใช้ แต่ยังมีช่องว่างที่คุณสามารถแทรกแซงได้ วิเคราะห์เนื้อหาของคู่แข่งที่ติดอันดับ และปรับให้ดีกว่า
ใช้ LSI Keywords และ Synonyms
ใช้ LSI Keywords และ Synonyms เพื่อช่วยให้ Google เข้าใจเนื้อหามากขึ้น
พิจารณาคีย์เวิร์ดสำหรับ Voice Search
พิจารณาคีย์เวิร์ดที่เหมาะกับ Voice Search เนื่องจากการค้นหาด้วยเสียงมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น
สรุปประเด็นสำคัญ
การทำ Keyword Research ที่ดีจะช่วยให้เว็บไซต์ของคุณมีโอกาสติดหน้าแรก Google ได้ง่ายขึ้น ประเด็นสำคัญที่ต้องจำคือ:
- เลือกคีย์เวิร์ดที่ตรงกับ Search Intent ของผู้ใช้
- วิเคราะห์ปริมาณการค้นหา (Search Volume) และความยาก (Keyword Difficulty)
- ใช้ Long-Tail Keywords เพื่อลดการแข่งขันและเพิ่มโอกาสติดอันดับ
- ใช้เครื่องมือช่วยวิเคราะห์คีย์เวิร์ด เช่น Ahrefs, SEMrush, Google Keyword Planner
- วิเคราะห์คีย์เวิร์ดของคู่แข่ง และนำมาปรับใช้
- จัดกลุ่มคีย์เวิร์ดและวางแผนโครงสร้าง Content อย่างเป็นระบบ










TH Ranking ให้บริการทราฟฟิกเว็บไซต์คุณภาพสูงที่สุดในประเทศไทย เรามีบริการทราฟฟิกหลากหลายรูปแบบสำหรับลูกค้า ไม่ว่าจะเป็น ทราฟฟิกเว็บไซต์, ทราฟฟิกจากเดสก์ท็อป, ทราฟฟิกจากมือถือ, ทราฟฟิกจาก Google, ทราฟฟิกจากการค้นหา, ทราฟฟิกจาก eCommerce, ทราฟฟิกจาก YouTube และทราฟฟิกจาก TikTok เว็บไซต์ของเรามีอัตราความพึงพอใจของลูกค้า 100% คุณจึงสามารถสั่งซื้อทราฟฟิก SEO จำนวนมากทางออนไลน์ได้อย่างมั่นใจ เพียง 398 บาทต่อเดือน คุณสามารถเพิ่มทราฟฟิกเว็บไซต์ ปรับปรุงประสิทธิภาพ SEO และเพิ่มยอดขายได้ทันที!
เลือกแพ็กเกจทราฟฟิกไม่ถูกใช่ไหม? ติดต่อเราได้เลย ทีมงานของเราพร้อมให้ความช่วยเหลือ
ปรึกษาฟรี