การเจรจาข้อตกลงการค้าและผลกระทบของ FTA ระหว่างไทยและสหรัฐฯ

การเจรจาข้อตกลงการค้าเสรี (FTA) ระหว่างไทยและสหรัฐฯ กำลังดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง โดยมีเป้าหมายลดอัตราภาษีนำเข้าสินค้าจากไทยที่สหรัฐฯ เรียกเก็บจากเดิม 36% เหลือ 19% ภายในปี 2568 เพื่อส่งเสริมการส่งออกและรักษาตลาดส่งออกที่มีมูลค่ากว่า 18% ของมูลค่าส่งออกไทย

ผลกระทบของ FTA ไทย-สหรัฐฯ มีทั้งด้านบวกและด้านลบ ดังนี้

ผลดี

• ช่วยเพิ่มทางเลือกและลดราคาสินค้าเกษตรนำเข้าจากสหรัฐฯ เช่น ถั่วเหลือง ข้าวโพด ซึ่งเป็นวัตถุดิบสำคัญสำหรับอาหารสัตว์
• ส่งเสริมการแข่งขันทางการค้าและขยายตัวทางเศรษฐกิจไทยโดยรวม โดยเฉพาะสินค้าเกษตรและประมง เช่น น้ำตาล กุ้ง ข้าว สับปะรด รวมถึงสินค้าอุตสาหกรรม เช่น สิ่งทอ เสื้อผ้าสำเร็จรูป อิเล็กทรอนิกส์ ชิ้นส่วนยานยนต์ และยางพารา
• กระตุ้นให้ระบบศุลกากรและกฎระเบียบของไทยมีประสิทธิภาพ รวดเร็ว และโปร่งใสมากขึ้น
• สร้างความเชื่อมั่นและอาจทำให้ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นในระยะสั้น
• เปิดโอกาสการลงทุนในสหรัฐฯ โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมพลังงานและเกษตรแปรรูป

ผลกระทบด้านลบ

• ภาคเกษตรบางกลุ่มที่แข่งขันกับสินค้านำเข้าจากสหรัฐฯ โดยเฉพาะถั่วเหลืองและข้าวโพด อาจได้รับผลกระทบจากต้นทุนการผลิตที่สูงกว่าและอาจต้องเลิกปลูก
• ภาคธุรกิจและภาคการผลิตไทยต้องเร่งพัฒนาศักยภาพเพื่อแข่งขันในตลาดโลก และภาครัฐควรมีมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการที่ยังไม่พร้อม
• ความเสี่ยงที่นักลงทุนและผู้ส่งออกอาจย้ายฐานการผลิตไปยังประเทศที่มีอัตราภาษีต่ำกว่า ส่งผลให้ไทยสูญเสียรายได้และโอกาสทางการตลาด
• การเจรจาไม่ใช่แบบ Win-Win เหมือน FTA ทั่วไป ไทยต้องรักษาสมดุลผลประโยชน์อย่างรอบคอบเพื่อไม่ให้กระทบต่อ FTA อื่นและเศรษฐกิจโดยรวม

โดยสรุป การเจรจา FTA ไทย-สหรัฐฯ มุ่งลดภาษีนำเข้าและเปิดตลาดสินค้าอย่างมีขั้นตอนเพื่อส่งเสริมการค้าและการลงทุน แต่ต้องมีมาตรการรองรับผลกระทบต่อภาคเกษตรและภาคธุรกิจที่อาจได้รับผลกระทบจากการแข่งขันที่เพิ่มขึ้น