
บทนำ
ในยุคดิจิทัลที่ธุรกิจออนไลน์เติบโตอย่างรวดเร็ว การเปิดร้านค้าออนไลน์กลายเป็นทางเลือกที่สำคัญสำหรับผู้ประกอบการและเจ้าของธุรกิจในประเทศไทย การเลือกใช้แพลตฟอร์มร้านค้าออนไลน์ที่เหมาะสมจึงเป็นกุญแจสำคัญที่จะช่วยให้คุณเริ่มต้นและขยายธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักกับแพลตฟอร์มร้านค้าออนไลน์ยอดนิยมในประเทศไทยปี 2025 พร้อมทั้งเปรียบเทียบข้อดี ข้อเสีย และค่าใช้จ่ายของแต่ละแพลตฟอร์ม เพื่อช่วยให้คุณตัดสินใจได้อย่างมั่นใจ
1. Shopify
Shopify เป็นแพลตฟอร์มที่มีชื่อเสียงระดับโลก ได้รับความนิยมในประเทศไทยเนื่องจากใช้งานง่าย มีเครื่องมือที่ครบถ้วนในการสร้างร้านค้าออนไลน์อย่างมืออาชีพ
จุดเด่น
- อินเตอร์เฟซใช้งานง่าย ไม่ต้องมีความรู้ด้านโค้ด
- รองรับระบบการชำระเงินในประเทศไทย เช่น 2C2P, Omise
- มีธีมและแอปพลิเคชันเสริมมากมาย
จุดด้อย
- ค่าธรรมเนียมรายเดือนค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับแพลตฟอร์มท้องถิ่น
- ฟีเจอร์บางอย่างต้องจ่ายเพิ่มผ่านแอปพลิเคชันเสริม
ราคา (2025)
- แผนพื้นฐาน: ฿850/เดือน
- แผน Shopify: ฿2,300/เดือน
- แผน Advanced: ฿9,200/เดือน
2. WooCommerce (สำหรับ WordPress)
WooCommerce เป็นปลั๊กอินที่ใช้งานร่วมกับ WordPress ทำให้เว็บไซต์ธรรมดาสามารถกลายเป็นร้านค้าออนไลน์ได้ง่ายดาย
จุดเด่น
- ปรับแต่งได้เต็มรูปแบบ
- ไม่มีค่าธรรมเนียมรายเดือน (จ่ายเฉพาะโฮสติ้ง)
- เหมาะกับผู้ที่ต้องการควบคุมทุกองค์ประกอบของร้าน
จุดด้อย
- ต้องดูแลระบบเอง เช่น อัปเดตและรักษาความปลอดภัย
- ใช้งานยากสำหรับมือใหม่
ค่าใช้จ่ายโดยประมาณ
- ค่าโดเมน: ฿350–฿500/ปี
- ค่าโฮสติ้ง: ฿1,200–฿3,000/ปี
- ปลั๊กอินเสริมบางตัวมีค่าใช้จ่ายเฉลี่ย ฿500–฿3,000 ต่อปี
3. Lazada Seller Center
Lazada เป็นแพลตฟอร์ม Marketplace ที่ได้รับความนิยมสูงสุดแห่งหนึ่งในประเทศไทย เปิดให้ผู้ขายรายย่อยและแบรนด์ต่าง ๆ สามารถเปิดร้านค้าได้ฟรี
จุดเด่น
- ไม่เสียค่าเช่าแพลตฟอร์ม
- มีผู้ใช้งานจำนวนมาก
- มีระบบจัดการคำสั่งซื้อและโลจิสติกส์ครบวงจร
จุดด้อย
- การแข่งขันสูง
- มีค่าคอมมิชชั่นประมาณ 2%–10% ต่อยอดขาย
- จำกัดความยืดหยุ่นในการออกแบบร้าน
4. Shopee Seller Center
Shopee เป็นอีกหนึ่ง Marketplace ที่มีฐานลูกค้าขนาดใหญ่ในประเทศไทยและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
จุดเด่น
- ไม่มีค่าธรรมเนียมรายเดือน
- สนับสนุนระบบการชำระเงินและขนส่งครบวงจร
- มีแคมเปญการตลาดช่วยส่งเสริมยอดขาย
จุดด้อย
- ค่าธรรมเนียมคอมมิชชั่น 3%–8%
- ต้องแข่งขันเรื่องราคาอย่างหนัก
- จำกัดการสร้างแบรนด์ส่วนตัว
5. LINE SHOPPING (MyShop)
LINE SHOPPING หรือ MyShop เป็นแพลตฟอร์มร้านค้าออนไลน์ที่เชื่อมโยงกับบัญชี LINE OA ทำให้ผู้ขายสามารถขายของผ่านแชทได้สะดวก
จุดเด่น
- ใช้งานง่ายผ่านมือถือ
- ไม่มีค่าธรรมเนียมเริ่มต้น
- เหมาะกับธุรกิจขนาดเล็กถึงกลาง
จุดด้อย
- ไม่เหมาะกับร้านที่มีสินค้าจำนวนมาก
- ยังมีข้อจำกัดด้านการจัดการสต็อกและรายงาน
ค่าใช้จ่าย
- ไม่มีค่าใช้จ่ายรายเดือน
- ค่าธรรมเนียมเพียงเมื่อมีการชำระผ่านระบบ LINE Pay: 2.5%
6. LnwShop
LnwShop เป็นแพลตฟอร์มร้านค้าออนไลน์ของคนไทยที่รองรับภาษาไทยเต็มรูปแบบ และเป็นมิตรกับผู้เริ่มต้น
จุดเด่น
- มีระบบหลังบ้านรองรับภาษาไทย
- ใช้งานฟรี หรืออัปเกรดเพื่อฟีเจอร์ขั้นสูง
- เหมาะกับร้านค้าขนาดเล็กถึงกลาง
จุดด้อย
- ฟีเจอร์บางอย่างยังไม่ทันสมัยเท่าระดับสากล
- ต้องโปรโมทร้านเองหากต้องการลูกค้า
ราคา
- แผนฟรี: ใช้งานพื้นฐาน
- แผน Pro: เริ่มต้นที่ ฿299/เดือน
7. Facebook & Instagram Shops
การขายของผ่าน Facebook Shop และ Instagram Shop กลายเป็นทางเลือกยอดนิยมโดยเฉพาะในกลุ่มผู้เริ่มต้น
จุดเด่น
- ไม่ต้องสร้างเว็บไซต์
- เข้าถึงลูกค้าได้โดยตรงผ่าน Social Media
- เชื่อมโยงกับ Facebook Ads ได้
จุดด้อย
- ไม่มีระบบหลังบ้านที่ซับซ้อน
- ต้องจัดการคำสั่งซื้อเอง
- ไม่มีระบบจัดส่งในตัว
8. MakeWebEasy
MakeWebEasy เป็นแพลตฟอร์มสร้างเว็บไซต์และร้านค้าออนไลน์ของไทยที่มีชื่อเสียงในกลุ่มธุรกิจ SME
จุดเด่น
- รองรับภาษาไทยและระบบการชำระเงินในประเทศไทย
- มีทีมงานซัพพอร์ตภาษาไทย
- ออกแบบเว็บไซต์ง่ายด้วยระบบ Drag & Drop
จุดด้อย
- ต้องจ่ายรายเดือน
- ฟีเจอร์บางอย่างยังไม่ล้ำเท่า Shopify หรือ Wix
ราคา
- แพ็กเกจเริ่มต้น: ฿390/เดือน
- แพ็กเกจโปร: ฿1,290/เดือน
9. Magento
Magento เป็นแพลตฟอร์ม Open Source สำหรับร้านค้าระดับองค์กรที่ต้องการระบบซับซ้อนและสามารถปรับแต่งได้ทุกส่วน
จุดเด่น
- รองรับการขยายขนาดธุรกิจ
- ปรับแต่งระบบได้เต็มรูปแบบ
- เหมาะสำหรับธุรกิจใหญ่หรือร้านค้า B2B
จุดด้อย
- ใช้งานยาก ต้องมีทีมพัฒนา
- มีค่าใช้จ่ายในการดูแลระบบและเซิร์ฟเวอร์สูง
ค่าใช้จ่ายโดยประมาณ
- ค่าพัฒนาเริ่มต้น: ฿50,000–฿300,000+
- ค่าโฮสติ้ง: ฿3,000–฿10,000/เดือน
10. Wix eCommerce
Wix เป็นแพลตฟอร์มเว็บไซต์แบบ All-in-One ที่สามารถเปิดร้านค้าออนไลน์ได้เช่นกัน
จุดเด่น
- ระบบ Drag & Drop ใช้งานง่าย
- ธีมสวยงามทันสมัย
- เหมาะกับร้านที่ให้ความสำคัญกับภาพลักษณ์
จุดด้อย
- ฟีเจอร์ eCommerce ยังไม่ล้ำเท่ากับ Shopify
- ไม่รองรับระบบชำระเงินไทยโดยตรง ต้องใช้พาร์ตเนอร์เพิ่มเติม
ราคา
- แผน eCommerce Basic: ฿600–฿1,500/เดือน (ขึ้นกับโปรโมชั่น)
สรุปเปรียบเทียบ
แพลตฟอร์ม | ราคาเริ่มต้น/เดือน | ค่าธรรมเนียม | เหมาะสำหรับ |
---|---|---|---|
Shopify | ฿850 | 1.5%–2% | ธุรกิจกลาง-ใหญ่ |
WooCommerce | ขึ้นอยู่กับโฮสติ้ง | ไม่มี | ธุรกิจที่ต้องการปรับแต่ง |
Lazada | ฟรี | 2%–10% | รายย่อย ขายจำนวนมาก |
Shopee | ฟรี | 3%–8% | รายย่อย ราคาถูก |
LINE SHOPPING | ฟรี | 2.5% ผ่าน LINE Pay | รายย่อย |
LnwShop | ฿0–฿299 | ไม่มี | ธุรกิจไทยขนาดเล็ก |
Facebook/Instagram | ฟรี | ไม่มี | เริ่มต้น |
MakeWebEasy | ฿390–฿1,290 | ไม่มี | SME |
Magento | ฿3,000+ | ไม่มี | องค์กร |
Wix eCommerce | ฿600–฿1,500 | ไม่มี | ร้านค้าภาพลักษณ์ดี |
บทส่งท้าย
การเลือกแพลตฟอร์มร้านค้าออนไลน์ที่เหมาะสมในประเทศไทยปี 2025 ควรคำนึงถึงงบประมาณ ความสามารถด้านเทคนิค ขนาดธุรกิจ และเป้าหมายการเติบโต หากคุณเพิ่งเริ่มต้น อาจใช้แพลตฟอร์มฟรีหรือใช้งานง่ายอย่าง LINE SHOPPING หรือ Shopee ก่อน เมื่อธุรกิจเติบโตจึงค่อยขยับไปใช้ระบบที่ซับซ้อนและยืดหยุ่นมากขึ้นอย่าง Shopify หรือ Magento
ธุรกิจออนไลน์สามารถประสบความสำเร็จได้หากมีการวางแผนและเลือกเครื่องมือที่เหมาะสม ขอให้คุณประสบความสำเร็จในเส้นทางผู้ประกอบการยุคดิจิทัล!
เราเป็นเอเจนซี่การตลาดที่ดีที่สุดในประเทศไทยบนอินเทอร์เน็ต
หากคุณต้องการความช่วยเหลือ กรุณาติดต่อเราผ่านแบบฟอร์มติดต่อ
TH Ranking ให้บริการทราฟฟิกเว็บไซต์คุณภาพสูงที่สุดในประเทศไทย เรามีบริการทราฟฟิกหลากหลายรูปแบบสำหรับลูกค้า ไม่ว่าจะเป็น ทราฟฟิกเว็บไซต์, ทราฟฟิกจากเดสก์ท็อป, ทราฟฟิกจากมือถือ, ทราฟฟิกจาก Google, ทราฟฟิกจากการค้นหา, ทราฟฟิกจาก eCommerce, ทราฟฟิกจาก YouTube และทราฟฟิกจาก TikTok เว็บไซต์ของเรามีอัตราความพึงพอใจของลูกค้า 100% คุณจึงสามารถสั่งซื้อทราฟฟิก SEO จำนวนมากทางออนไลน์ได้อย่างมั่นใจ เพียง 398 บาทต่อเดือน คุณสามารถเพิ่มทราฟฟิกเว็บไซต์ ปรับปรุงประสิทธิภาพ SEO และเพิ่มยอดขายได้ทันที!
เลือกแพ็กเกจทราฟฟิกไม่ถูกใช่ไหม? ติดต่อเราได้เลย ทีมงานของเราพร้อมให้ความช่วยเหลือ
ปรึกษาฟรี