แพลตฟอร์มบล็อกยอดนิยมในประเทศไทย: ตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับบล็อกเกอร์ปี 2025

ในยุคดิจิทัลที่การสื่อสารออนไลน์เข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันอย่างมาก การเขียนบล็อก (Blogging) กลายเป็นหนึ่งในวิธีที่ได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่องในประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็นการแชร์ไลฟ์สไตล์ การรีวิวสินค้า การท่องเที่ยว หรือแม้กระทั่งการสร้างรายได้ออนไลน์ แพลตฟอร์มสำหรับการเขียนบล็อกจึงมีความสำคัญอย่างมากต่อทั้งผู้เริ่มต้นและนักเขียนมืออาชีพ

ในบทความนี้ เราจะพาคุณไปรู้จักกับ แพลตฟอร์มบล็อกยอดนิยมในประเทศไทย ที่เหมาะสมกับความต้องการหลากหลาย ตั้งแต่มือใหม่ที่อยากเริ่มต้นบล็อกแบบง่าย ๆ ไปจนถึงมือโปรที่ต้องการปรับแต่งเว็บไซต์อย่างเต็มที่

1. WordPress (WordPress.org และ WordPress.com)

ความนิยมและความสามารถ

WordPress คือหนึ่งในแพลตฟอร์มที่ได้รับความนิยมสูงสุดทั้งในระดับโลกและในประเทศไทย โดยมีให้เลือกใช้งานทั้งแบบ WordPress.org (แบบโฮสต์เอง) และ WordPress.com (บริการแบบสำเร็จรูป)

• WordPress.org เหมาะสำหรับผู้ใช้ที่ต้องการความยืดหยุ่นเต็มที่ สามารถติดตั้งปลั๊กอิน ธีม และปรับแต่งโค้ดได้อย่างอิสระ
• WordPress.com เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้น ไม่ต้องดูแลเรื่องโฮสติ้ง และมีแผนบริการให้เลือกหลายระดับ

ข้อดี

• มีปลั๊กอินให้เลือกนับพัน
• ธีมสวยงามและปรับแต่งได้
• ชุมชนผู้ใช้ใหญ่ มีความรู้ให้เรียนรู้มากมาย

ค่าใช้จ่าย

• WordPress.org ต้องมีค่าโดเมน (ประมาณ 400–1,000 บาท/ปี) และโฮสติ้ง (เริ่มต้นประมาณ 800–3,000 บาท/ปี)
• WordPress.com มีแผนใช้งานฟรี และแบบพรีเมียมเริ่มต้นที่ประมาณ 160 THB/เดือน

2. Blogger (ของ Google)

ความนิยมในประเทศไทย

Blogger เป็นแพลตฟอร์มบล็อกฟรีที่ดำเนินการโดย Google มีผู้ใช้ในประเทศไทยจำนวนไม่น้อย โดยเฉพาะผู้ที่เริ่มต้นเขียนบล็อกในช่วงปี 2000s

ข้อดี

• ใช้งานฟรี 100%
• ผูกกับ Google Account ได้สะดวก
• มีระบบโฆษณาผ่าน Google AdSense ในตัว

ข้อจำกัด

• ตัวเลือกธีมและการปรับแต่งน้อยเมื่อเทียบกับ WordPress
• UI ค่อนข้างล้าสมัย

3. Medium

ความนิยมในระดับโลกและไทย

Medium เป็นแพลตฟอร์มบล็อกที่ได้รับความนิยมในกลุ่มนักเขียนระดับมืออาชีพ ผู้เชี่ยวชาญ และผู้ที่ต้องการเน้นเนื้อหาที่มีคุณภาพ แพลตฟอร์มนี้เน้นการอ่านที่สะอาด สบายตา และไม่มีสิ่งรบกวนมากนัก

ข้อดี

• UI สะอาดและมืออาชีพ
• มีโอกาสสร้างรายได้ผ่าน Medium Partner Program
• เหมาะกับบทความยาวและเนื้อหาที่ลึกซึ้ง

ข้อจำกัด

• ไม่สามารถปรับแต่งดีไซน์ได้มาก
• ไม่เหมาะกับการสร้างแบรนด์แบบเฉพาะตัว

ค่าใช้จ่าย

• ใช้งานได้ฟรี แต่สามารถสมัครสมาชิกเพื่อเข้าถึงบทความพรีเมียมได้ที่ประมาณ 150–200 THB/เดือน

4. Wix

การใช้งานในประเทศไทย

Wix เป็นแพลตฟอร์มสร้างเว็บไซต์แบบ Drag-and-Drop ที่เริ่มได้รับความนิยมมากขึ้นในประเทศไทย โดยเฉพาะกลุ่มผู้ที่ต้องการสร้างเว็บไซต์แบบมืออาชีพได้รวดเร็ว โดยไม่ต้องเขียนโค้ด

ข้อดี

• ใช้งานง่ายด้วยระบบลากวาง
• มีธีมสวยงามหลากหลาย
• มีเครื่องมือ SEO และ Analytics ในตัว

ข้อจำกัด

• ฟีเจอร์ขั้นสูงต้องใช้แผนแบบพรีเมียม
• เว็บไซต์ที่สร้างด้วยแผนฟรีจะมีโฆษณาของ Wix

ค่าใช้จ่าย

• แผนฟรีใช้งานได้แต่มีข้อจำกัด
• แผนพรีเมียมเริ่มต้นที่ประมาณ 250 THB/เดือน

5. Tumblr

สไตล์เฉพาะตัว

Tumblr เป็นแพลตฟอร์มบล็อกที่เน้นการแชร์เนื้อหาสั้น ภาพ วิดีโอ และ GIF เหมาะกับผู้ใช้งานที่มีสไตล์การเขียนแบบสนุก หรือชอบโพสต์บ่อย ๆ

ข้อดี

• ใช้งานง่าย
• มีชุมชนผู้ใช้ที่แอคทีฟ
• ดีสำหรับเนื้อหาสั้นและภาพเคลื่อนไหว

ข้อจำกัด

• ไม่เหมาะกับเนื้อหายาว
• ปรับแต่งไม่ยืดหยุ่นเท่า WordPress

ค่าใช้จ่าย

• ใช้งานฟรีทั้งหมด
• มีค่าใช้จ่ายเฉพาะธีมหรือโดเมนส่วนตัวที่เลือกใช้

6. Ghost

สำหรับนักเขียนจริงจัง

Ghost เป็นแพลตฟอร์มแบบโอเพนซอร์สที่เน้นความเร็วและเรียบง่าย เหมาะกับผู้ที่เขียนเนื้อหายาวและต้องการระบบสมาชิกแบบ built-in

ข้อดี

• เขียนบทความได้รวดเร็ว
• รองรับระบบสมาชิกและรายได้แบบ subscription
• SEO ดีมาก

ข้อจำกัด

• ต้องดูแลเซิร์ฟเวอร์เองหากใช้แบบ self-hosted
• ไม่เหมาะกับมือใหม่ที่ไม่ชำนาญเทคนิค

ค่าใช้จ่าย

• แบบ Ghost(Pro) เริ่มต้นที่ประมาณ 450 THB/เดือน
• แบบ self-hosted เสียเฉพาะค่าโฮสต์ (ประมาณ 1,000–3,000 บาท/ปี)

7. Substack

แพลตฟอร์มมาแรงสำหรับนักเขียนจดหมายข่าว

Substack เป็นแพลตฟอร์มที่มาแรงในกลุ่มนักเขียนในปีหลัง ๆ โดยเน้นที่การสร้างรายได้จากจดหมายข่าว (Newsletter) และมีความนิยมเพิ่มขึ้นในประเทศไทย

ข้อดี

• เริ่มต้นได้ฟรี
• ระบบ subscription และจ่ายเงินในตัว
• เหมาะกับเนื้อหาแบบ recurring (เช่น รายสัปดาห์)

ข้อจำกัด

• ปรับแต่งเว็บไซต์ไม่ได้มาก
• เหมาะกับเนื้อหาที่เน้นการสื่อสารทางอีเมล

ค่าใช้จ่าย

• ฟรีสำหรับการเริ่มต้น
• ระบบจะหักค่าธรรมเนียมประมาณ 10% จากรายได้หากเปิดให้ผู้อ่านสมัครสมาชิกแบบชำระเงิน

8. LINE VOOM / LINE BLOG

แพลตฟอร์มสำหรับคนไทยโดยเฉพาะ

LINE เปิดตัว LINE BLOG เพื่อให้ผู้ใช้แชร์เนื้อหาได้อย่างสะดวก ซึ่งได้รับความนิยมในหมู่ศิลปิน ดารา และผู้มีชื่อเสียงในประเทศไทย นอกจากนี้ยังมี LINE VOOM ที่เน้นเนื้อหาวิดีโอสั้นและภาพ

ข้อดี

• เข้าถึงผู้ใช้ LINE ได้ง่าย (ซึ่งมีจำนวนมากในไทย)
• แชร์ผ่านแอปได้รวดเร็ว
• ดีสำหรับการสร้างแฟนคลับ

ข้อจำกัด

• เน้นความบันเทิงมากกว่าเนื้อหาวิชาการ
• ฟีเจอร์ SEO ไม่ชัดเจน

ค่าใช้จ่าย

• ฟรีทั้งหมด

9. Pantip Blog (BlogGang)

แพลตฟอร์มจากเว็บดังของไทย

Pantip.com มีบริการบล็อกชื่อว่า BlogGang ซึ่งยังคงมีผู้ใช้งานอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นเก่าที่คุ้นเคยกับ Pantip

ข้อดี

• ชุมชนผู้ใช้งานที่จงรักภักดี
• SEO ดีจากความน่าเชื่อถือของ Pantip
• เหมาะกับบทความท่องเที่ยว ความงาม การรีวิว

ข้อจำกัด

• หน้าตาเว็บไซต์ล้าสมัย
• ฟีเจอร์ปรับแต่งน้อยมาก

การเลือกแพลตฟอร์มที่เหมาะกับคุณ

การเลือกแพลตฟอร์มบล็อกที่ดีที่สุดนั้นขึ้นอยู่กับเป้าหมายของคุณเป็นหลัก หากคุณต้องการเขียนบล็อกแบบจริงจังและมีแผนสร้างรายได้ในอนาคต WordPress.org หรือ Ghost อาจเป็นทางเลือกที่ดี หากคุณแค่อยากเริ่มต้นแบบง่าย ๆ และไม่อยากเสียค่าใช้จ่ายมากนัก Blogger หรือ Medium ก็น่าสนใจ

สรุป

การเริ่มต้นเขียนบล็อกไม่จำเป็นต้องยากหรือมีค่าใช้จ่ายสูง แพลตฟอร์มบล็อกในประเทศไทยมีให้เลือกหลากหลาย โดยแต่ละแพลตฟอร์มมีจุดเด่น จุดด้อย และกลุ่มเป้าหมายต่างกันไป สำคัญที่สุดคือคุณต้องรู้ว่าคุณต้องการอะไรจากการเขียนบล็อก — ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่แชร์ความคิด การสร้างรายได้ หรือการสร้างชื่อเสียง

ประเทศไทยยังคงมีพื้นที่ให้กับบล็อกเกอร์รุ่นใหม่อีกมาก หากคุณมีเรื่องราวที่อยากถ่ายทอด อย่ารอช้า เริ่มเขียนบล็อกของคุณวันนี้เลย!

เราเป็นเอเจนซี่การตลาดที่ดีที่สุดในประเทศไทยบนอินเทอร์เน็ต
หากคุณต้องการความช่วยเหลือ กรุณาติดต่อเราผ่านแบบฟอร์มติดต่อ

ปรึกษาฟรี