กลยุทธ์การตั้งราคาเพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน

กลยุทธ์การตั้งราคาเพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน มีหลายรูปแบบที่ธุรกิจสามารถนำไปใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ได้แก่

• การตั้งราคาตามคู่แข่ง (Competition-Based Pricing) คือการตั้งราคาสินค้าหรือบริการโดยเปรียบเทียบกับราคาของคู่แข่งในตลาด เพื่อกำหนดราคาที่เหมาะสมและสามารถแข่งขันได้ ซึ่งอาจตั้งราคาสูงกว่าหรือต่ำกว่าคู่แข่งก็ได้ตามกลยุทธ์และเป้าหมายธุรกิจ

• การตั้งราคาตามต้นทุนบวกกำไร (Cost-Plus Pricing) คือการตั้งราคาจากต้นทุนการผลิตบวกกับกำไรที่ต้องการ วิธีนี้ง่ายและนิยมใช้มาก แต่ต้องระวังไม่ตั้งราคาสูงเกินไปจนเสียเปรียบคู่แข่ง

• การตั้งราคาบุกตลาด (Penetration Pricing) คือการตั้งราคาต่ำกว่าคู่แข่งในช่วงแรกเพื่อดึงดูดลูกค้าใหม่และเพิ่มส่วนแบ่งตลาด จากนั้นค่อยปรับราคาขึ้นเมื่อฐานลูกค้าแข็งแรง

• การตั้งราคาตามหลักจิตวิทยา (Psychological Pricing) เช่น การตั้งราคาแบบ 99 บาทแทน 100 บาท เพื่อให้ลูกค้ารู้สึกว่าราคาถูกกว่า หรือการตั้งราคาให้เหมาะสมกับความรู้สึกของลูกค้า ช่วยเพิ่มแรงจูงใจในการซื้อ

• การตั้งราคาตามตลาด (Market-Based Pricing) คือการวิเคราะห์ความต้องการของตลาดและพฤติกรรมลูกค้า รวมถึงราคาของคู่แข่ง เพื่อกำหนดราคาที่เหมาะสมและสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน

• การตั้งราคาตามฤดูกาล (Seasonal Pricing) การปรับราคาตามช่วงเวลาหรือฤดูกาลที่มีความต้องการสูงหรือต่ำ เพื่อเพิ่มยอดขายและจัดการสต็อกสินค้าได้ดีขึ้น

นอกจากนี้ ธุรกิจที่มีการแข่งขันสูง เช่น สายการบินในตลาดในประเทศ ใช้กลยุทธ์การตั้งราคาที่ปรับเปลี่ยนตามความต้องการและราคาของคู่แข่งแบบไดนามิก (Dynamic Pricing) เพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขันและตอบสนองตลาดได้อย่างรวดเร็ว

โดยสรุป การตั้งราคาที่มีประสิทธิภาพเพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน ต้องอาศัยการวิเคราะห์ต้นทุน คู่แข่ง และพฤติกรรมลูกค้าอย่างรอบคอบ พร้อมทั้งเลือกใช้กลยุทธ์ที่เหมาะสมกับลักษณะตลาดและเป้าหมายของธุรกิจ เพื่อสร้างความได้เปรียบและเพิ่มยอดขายอย่างยั่งยืน