การผสมผสานข้อมูล Keyword Planner กับข้อมูลภายในองค์กร
การผสมผสานข้อมูลจาก Google Keyword Planner กับข้อมูลภายในองค์กรเป็นกลยุทธ์ที่มีประสิทธิภาพในการเพิ่มประสิทธิภาพการตลาดดิจิทัล โดยการรวมข้อมูลทั้งสองแหล่งนี้จะช่วยให้องค์กรสามารถตัดสินใจได้อย่างชาญฉลาดและสร้างแคมเปญที่มีผลลัพธ์ที่ดีขึ้น
ข้อมูลที่ได้จาก Keyword Planner
ข้อมูลปริมาณการค้นหา (Search Volume)
Keyword Planner ให้ข้อมูลจำนวนเฉลี่ยการค้นหาต่อเดือนของแต่ละคีย์เวิร์ด ข้อมูลนี้ช่วยให้คุณประเมินความยากง่ายในการติดอันดับผลการค้นหาสำหรับคำค้นหาแต่ละคำ และสามารถดูข้อมูลของเทรนด์ในคีย์เวิร์ดนั้นๆ ย้อนหลังได้ถึง 24 เดือน
ข้อมูลการแข่งขัน (Competition)
ระดับการแข่งขันของแต่ละคีย์เวิร์ดจะแบ่งออกเป็น 3 ระดับ ซึ่งช่วยให้คุณเข้าใจว่าคีย์เวิร์ดใดมีการแข่งขันสูงและคีย์เวิร์ดใดมีโอกาสในการติดอันดับมากขึ้น
ข้อมูลราคาคลิก (Suggested Bid)
Keyword Planner แสดงราคาคลิกสูงสุด ต่ำสุด และข้อมูลอื่นๆ ซึ่งช่วยให้คุณค้นหาคีย์เวิร์ดที่มีแนวโน้มว่าสามารถสร้างกำไรได้
การผสมผสานกับข้อมูลภายในองค์กร
การจัดตำแหน่งกับกลุ่มเป้าหมาย
ข้อมูล Search Volume จาก Keyword Planner ควรนำมาเปรียบเทียบกับข้อมูลลูกค้าและพฤติกรรมการซื้อขององค์กร เพื่อให้มั่นใจว่าคีย์เวิร์ดที่เลือกจะตรงกับกลุ่มเป้าหมายของคุณ การทำความเข้าใจพฤติกรรมการค้นหาของผู้ใช้ โดยเฉพาะการใช้คำถามในการค้นหา เช่น "วิธีเลือกรองเท้ากีฬา" หรือ "รองเท้ากีฬา ราคาเท่าไหร่" จะช่วยให้คุณเข้าใจความต้องการของลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น
การพิจารณาพื้นที่ทางภูมิศาสตร์
หากองค์กรต้องการมุ่งเน้นการทำการตลาดในพื้นที่เฉพาะ ควรเลือก Keyword Volumes ที่มาจากสถานที่นั้นๆ เพื่อให้มั่นใจว่าจะสามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้มากที่สุด Keyword Planner ช่วยให้คุณสามารถระบุ Location ได้
การวางแผนงบประมาณและการลงทุน
ข้อมูล Suggested Bid จาก Keyword Planner ควรนำมาเปรียบเทียบกับงบประมาณการตลาดขององค์กร เพื่อให้สามารถเลือกคีย์เวิร์ดที่มีประสิทธิภาพต่อต้นทุนสูงสุด การรู้ว่าคู่แข่งของคุณจ่ายเงินสำหรับคีย์เวิร์ดเดียวกันเท่าไหร่ ก็จะช่วยให้คุณสามารถวางแผนการลงทุนได้อย่างเหมาะสม
การพัฒนาเนื้อหา (Content Strategy)
ข้อมูลจาก Keyword Planner สามารถใช้ในการหาไอเดียสำหรับทำคอนเทนต์ได้ โดยการค้นหาคีย์เวิร์ดมากกว่า 1 ครั้ง และค้นหาคีย์เวิร์ดที่มีความคล้ายกัน หรืออยู่ในประเภทเดียวกัน จากนั้นนำข้อมูลนี้มารวมกับความเชี่ยวชาญและทรัพยากรขององค์กร เพื่อสร้างเนื้อหาที่มีคุณภาพและตรงกับความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย
การวิเคราะห์คู่แข่ง
หากไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นค้นหาคีย์เวิร์ดไหนมาใช้ สามารถใช้เทคนิคส่องคู่แข่ง โดยให้เข้าไปที่ Discover new keywords แล้วกรอกคีย์เวิร์ดที่ต้องการ พร้อมระบุเว็บไซต์ของคู่แข่งลงไป ข้อมูลนี้ควรนำมาเปรียบเทียบกับข้อมูลการแข่งขันภายในขององค์กร เพื่อระบุช่องว่างในตลาดและโอกาสใหม่
ผลลัพธ์ที่คาดหวัง
การผสมผสานข้อมูลทั้งสองแหล่งนี้อย่างมีประสิทธิภาพจะช่วยให้องค์กรสามารถ:
- สร้างเนื้อหาที่โดนใจกลุ่มเป้าหมาย
- เพิ่มโอกาสในการติดอันดับ Featured Snippets ของ Google
- วางแผนแคมเปญโฆษณาได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- สร้างผลลัพธ์ทางธุรกิจที่ยั่งยืน
การใช้ข้อมูลจาก Keyword Planner ร่วมกับข้อมูลภายในองค์กรจึงเป็นรากฐานสำคัญของการทำ Content Marketing ที่ประสบความสำเร็จ










TH Ranking ให้บริการทราฟฟิกเว็บไซต์คุณภาพสูงที่สุดในประเทศไทย เรามีบริการทราฟฟิกหลากหลายรูปแบบสำหรับลูกค้า ไม่ว่าจะเป็น ทราฟฟิกเว็บไซต์, ทราฟฟิกจากเดสก์ท็อป, ทราฟฟิกจากมือถือ, ทราฟฟิกจาก Google, ทราฟฟิกจากการค้นหา, ทราฟฟิกจาก eCommerce, ทราฟฟิกจาก YouTube และทราฟฟิกจาก TikTok เว็บไซต์ของเรามีอัตราความพึงพอใจของลูกค้า 100% คุณจึงสามารถสั่งซื้อทราฟฟิก SEO จำนวนมากทางออนไลน์ได้อย่างมั่นใจ เพียง 398 บาทต่อเดือน คุณสามารถเพิ่มทราฟฟิกเว็บไซต์ ปรับปรุงประสิทธิภาพ SEO และเพิ่มยอดขายได้ทันที!
เลือกแพ็กเกจทราฟฟิกไม่ถูกใช่ไหม? ติดต่อเราได้เลย ทีมงานของเราพร้อมให้ความช่วยเหลือ
ปรึกษาฟรี