การโฆษณาออนไลน์ด้วย Facebook Ads และ Google Ads

การโฆษณาออนไลน์ด้วย Facebook Ads และ Google Ads มีความแตกต่างและจุดเด่นที่เหมาะกับวัตถุประสงค์และกลุ่มเป้าหมายที่ต่างกัน ดังนี้

• Facebook Ads เหมาะสำหรับการสร้างการมีส่วนร่วม (engagement) และการโปรโมทแคมเปญที่เน้นการกระตุ้นความสนใจในระยะสั้น เช่น โปรโมชั่นหรือกิจกรรมพิเศษ เพราะผู้บริโภคมักตอบสนองดีต่อข้อเสนอที่มีเวลาจำกัด Facebook Ads มีค่าโฆษณาต่อคลิก (CPC) เฉลี่ยประมาณ 8 บาท และค่าเฉลี่ยการแปลงเป็นลูกค้า (Conversion Rate) อยู่ที่ประมาณ 0.09% แต่มีการเปลี่ยนแปลงอัลกอริทึมบ่อยครั้ง จึงต้องติดตามและปรับแผนอย่างสม่ำเสมอ

• Google Ads เหมาะกับการจับกลุ่มลูกค้าที่มีความต้องการชัดเจน (high-intent) เช่น การค้นหาสินค้าหรือบริการโดยตรง จึงเหมาะกับธุรกิจอีคอมเมิร์ซและการสร้างโอกาสขาย (lead generation) ค่าโฆษณาต่อคลิกบน Google Ads มักสูงกว่า Facebook โดยเฉพาะในธุรกิจที่มีการแข่งขันสูง เช่น อสังหาริมทรัพย์หรือคลินิกเสริมความงาม แต่ Google Ads มีอัตราการแปลงเป็นลูกค้าที่ดีกว่า (conversion rate 2.13%) และค่าใช้จ่ายต่อการแปลงที่ประมาณ 349 บาท

• การกำหนดเป้าหมายทางภูมิศาสตร์ ใน Google Ads สามารถตั้งค่าได้ละเอียด เช่น ระบุประเทศ เมือง หรือรัศมีรอบสถานที่ เพื่อให้โฆษณาแสดงเฉพาะกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการ และยังสามารถยกเว้นพื้นที่ที่ไม่ต้องการให้โฆษณาแสดงได้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งบประมาณ

• ข้อควรระวัง ในการใช้ Google Ads คือการเลือกคีย์เวิร์ดที่เหมาะสม เพราะถ้าเลือกกว้างเกินไปอาจทำให้งบประมาณหมดไปโดยไม่ได้ผลลัพธ์ที่คุ้มค่า ส่วน Facebook Ads ต้องติดตามการเปลี่ยนแปลงของอัลกอริทึมและการแข่งขันจากแพลตฟอร์มอื่น เช่น TikTok ที่อาจลดประสิทธิภาพการเข้าถึงผู้ใช้บน Facebook

สรุปคือ หากต้องการโฆษณาที่เน้นการสร้างการรับรู้และการมีส่วนร่วมในระยะสั้น Facebook Ads จะเหมาะสมกว่า แต่ถ้าต้องการจับกลุ่มลูกค้าที่มีความต้องการชัดเจนและวัดผลได้ Google Ads จะเป็นตัวเลือกที่ดีกว่า